สิวที่ไม่ธรรมดา(Uncommon acne) พบไม่บ่อย แต่พบได้ สาเหตุก็ไม่ธรรมดา รักษาก็ไม่ธรรมดา

หมวดสิว

30 พฤษภาคม 2005


Portrait of bearded man with amazed or scared emotion on face

สิวที่ไม่ธรรมดา(Uncommon acne) คืออะไร

สิวปกติ เกิดจากความผิดปกติของต่อมไขมัน แต่สิวไม่ธรรมดา มีสาเหตุจากอย่างอื่น บางอย่างก็ไม่รุนแรง แต่บางอย่างก็รุนแรง ดังนี้
1. สิวหัวช้าง (Acne conglobata) :สิวชนิดนี้ ถือว่ารุนแรงมากที่สุด และเกิดรอยแผลเป็นได้อย่างมาก พบได้ไม่บ่อยนัก โดยมักจะพบในผู้ชายที่ผิวมัน และในวัยรุ่น โดยจะทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนร่วงเข้าวัยชรา
ตำแหน่งที่เกิด มักเกิดตามแผ่นหลัง ก้น ต้นคอ ใบหู ที่ใบหน้ามักจะไม่รุนแรง
ลักษณะของสิว เกิดเป็นได้ทุกรูปแบบ และความรุนแรง ตั้งแต่สิวอุดตัน หัวเปิด(หัวดำ)รวมกันเป็นกลุ่มๆ จนถึงสิวอักเสบ ขนาดใหญ่ๆ เป็นุถุง ( acne cysts) ก็มี ทำให้มีรอยแผลเป็นหลงเหลือ ทั้งแบบแผลเป็นนูน(Keloids) แผลเป็นหลุม(pick scar) หรือท่อเปิดเรื้อรัง(sinus tracts)
การรักษา: มักจะรักษาหลายๆ รูปแบบควบคู่กัน ตั้งแต่การใช้ยาทา ยารับประทานขนาดสูง ทั้งยาปฏิชีวนะ และยากลุ่มเรตินอยด์ขนาดสูงๆ ในระยะเวลานานกว่า 6 เดือน และเลเซอร์หลายชนิด แล้วแต่ปัญหา เพราะสิวประเภทนี้เป็นเรื้อรังและมักทิ้งร่อยรอยโรคไว้มาก

2. สิวรุนแรงเฉียบพลัน (Acne Fulminans): สิวชนิดนี้มักจะเกิดอย่างเฉียบพลัน ในชายอายุประมาณ 13-22 ปี มักจะมีอาการไข้ ปวดข้อ เบื่ออาหาร น้ำหนักลดและอ่อนเพลียร่วมด้วย สาเหตุหรือปัจจัยที่กระตุ้นยังไม่ทราบแน่ชัด แต่เชื่อว่าเกิดจากการติดเชื้อสิว P.acne หรือ มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง
ตำแหน่งและอาการที่เกิด พบบ่อยที่ใบหน้า หน้าอกและที่หลัง เป็นสิวอักเสบตุ่มหนอง แดง เจ็บ และแตกออกเป็นแผลมีสะเก็ดคลุม เมื่อหายเกิดแผลเป็นมากมาย ผู้ที่เป็นสิวประเภทนี้
การรักษา:  การใช้ยาทา ยารับประทานขนาดสูง ทั้งยาปฏิชีวนะ และยากลุ่มเรตินอยด์ขนาดสูงๆ ในระยะเวลานานกว่า 6 เดือน และเลเซอร์หลายชนิด
3. สิวรอบปาก (Perioral dermatitis): มักพบได้บ่อยในผู้หญิงอายุ 20-30 ปี ไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด แต่เชื่อว่า เกิดจากปัจจัยกระตุ้นจากการแพ้ยาสีฟันที่ผสมฟลูออไรด์ การแพ้น้ำยาบ้วนปาก สบู่ หรือยาคุมกำเนิด การล้างหน้าด้วยสบู่แรงๆ แสงแดด การมีพฤติกรรมชอบถูบริเวณที่เป็นบ่อยๆ ทำให้อาการรุนแรงมากขึ้น
ตำแหน่งและอาการที่เกิด มีลักษณะเป็นตุ่มแดง ตุ่มน้าใส หรือตุ่มหนอง เกิดพร้อมๆ กันทั้ง 2 ข้างก็ใบหน้ารอบๆ ปาก เช่น คาง ร่องจมูก มีอาการแสบๆ คันๆ
การรักษา: หยุดใช้เครื่องสำอาง สบู่ ยาสีฟัน หรือน้ำยาบ้วนปาก ที่น่าจะเป็นสาเหตุ และให้ยารับประทานกลุ่มปฏิชีวนะ และยาทาสิวอักเสบทั่วๆไป

4. สิวแกรมลบ (Gram Negative Folliculitis) : เป็นสิวอักเสบหัวหนอง ที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียกรัมลบ ที่ไม่ใช่ P.acne เช่น E.coli,Proteus,Pseudomonas,Kleibsiella ซึ่งต้องขูดตุ่มหนองไปเพาะเชื้อดู สังเกตว่าผู้ที่เป็นสิวประเภทนี้ มักจะไม่พบสิวอุดตันร่วมด้วย และมีประวัติการใช้ยาทากลุ่มปฏิชีวนะ ( เช่น CM lotions) เป็นระยะเวลานาน และสิวไม่ดีขึ้น
การรักษา: อาจจะต้องเปลี่ยนยาปฏิชีวนะเป็นกลุ่มที่ไวต่อเชื้อแบคทีเรียนี้ เช่น Bactrim,Ampicillin หรือการให้รับประทานยากลุ่มเรตินอยด์ร่วมด้วย
5.สิวจากเชื้อรา( Pityrosporum folliculitis) : สิวอักเสบตุ่มหนอง ตุ่มแดง ที่เกิดจากเชื้อยีสต์ P.ovale หรือ เชื้อเกลื้อน (Malassezia furfur) มักเป็นที่หน้าอก และหลังช่วงบน แยกได้ยากจากสิวอักเสบสิว นอกจากการขูดไปส่องด้วยกล้องจุลทรรศน์ ด้วยน้ำยา KOH หรือการรักษาสิวปกติแล้วไม่ดีขึ้น
การรักษา: นอกจากจะรักษาเหมือนสิวทั่วไปแล้ว อาจจะต้องรับประทานยาฆ่าเชื้อยีสต์ร่วมด้วย นาน 6-8 สัปดาห์

6.สิวก่อนมีประจำเดือน (Premenstrual acne) พบได้บ่อยมาก ประมาณ 2 ใน 3 ของผู้ป่วยหญิงที่เป็นสิว มักจะเกิดในช่วง 1 สัปดาห์ก่อนมีประจำเดือน เพราะมีการคั่งของน้ำในร่างกายจากภาวะฮฮร์โมนเพศหญิง ทำให้รูเปิดของต่อมไขมันเล็กลง จึงทำให้การระบายไขมันจากต่อมไขมันไม่ดี จึงเกิดการอุดตัน
ตำแหน่งและอาการที่เกิด มักเกิดในบริเวณที่มีต่อมไขมันมาก เช่น คาง ร่องจมูก หัวคิ้ว แก้ม แต่ที่พบได้บ่อยๆ คือสิวรอบปาก มักจะเป็นสิวอักเสบหัวแดง หรือสิวหัวหนองได้
การรักษา: สิวประเภทนี้มักจะไม่รุนแรง ไม่กี่วันสิวก็จะยุบหรือหายเป็นปกติ บางครั้งแพทย์จะแนะนำให้รับประทานยาคุมกำเนิดเพื่อปรับระดับฮอร์โมน
7. สิวจากเครื่องสำอาง(Acne cosmetica) เชื่อว่าครีมที่ใช้เป็นเครื่องสำอางบนใบหน้าเป็นเวลานานกระตุ้นให้เกิดสิวได้ มักพบจากเครื่องสำอางที่มีส่วนประกอบของ Olive oil,white pitrolatum,lanolin,butyl stearate,isopropyl myristate,sodium lauryl sulfate,lanolin alcohol และ oleic acid โดยมักพบเป็นสิวอุดตันหัวปิด บริเวณคาง แก้ม และอาจจะเกิดการอักเสบเป็นหนองได้ มักพบว่ายิ่งใช้เครื่องสำอางปกปิด ก็ยิ่งจะเป็นมากขึ้น
การรักษา: หยุดใช้เครื่องสำอางประเภทครีม ที่มีส่วนประกอบของสารดังกล่าว มากกว่า 6 เดือน แล้วเปลี่ยนเครื่องสำอาง แนวทางการรักษาก็เหมือนกับการรักษาสิวอุดตัน และสิวอักเสบทั่วไป

8. สิวจากผลิตภัณฑ์ล้างหน้า(Acne detergicans) มักเกิดจากสบู่ล้างหน้าที่มีส่วนประกอบของ Tars,sulfur,ยาปฏิชีวนะ ( เช่น Hexachlorphene) หรือสบู่ที่มีฤทธิ์ทำให้เกิดสิว(comedogenic agents) และจะเป็นมากถ้าล้างหน้าบ่อยๆ เกิน 4 ครั้งต่อวัน มักจะเป็นสิวอุดตันหัวปิด กระจายสม่ำเสมอในบริเวณคาง และแก้ม
การรักษา: หลีกเลี่ยงการใช้สบู่ล้างหน้าดังกล่าว ลดการล้างหน้าบ่อยๆ และทาครีมละลายสิวอุดตัน กลุ่มวิตามินเอ หรือรับประทานยากลุ่มเรตินอยด์ร่วมด้วย
10.สิวจากอาชีพ (Occupational acne) มักเกิดในคนงานที่ทำอาชีพบางอย่าง ที่สารเคมีในโรงงานกระตุ้นให้เกิดสิวได้ เช่น โรงงานอุตสาหกรรมทำน้ำมัน โรงกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม คนงานทำถนน(ถนนลาดยาง ลูกรัง) โรงงานกลั่นน้ำมันดิน(Coal tars) สิวที่เกิดมักจะอักเสบ ตามรูขุมขน โดยมักจะเกิดหลังทำงานลักษณะนี้มากกว่า 6 สัปดาห์ พบบ่อยในตำแหน่งที่สัมผัสกับสารเคมีดังกล่าว เช่น ต้นแขน ขา

10.สิวจากการกดทับ(Acne mechanica) โดยสาเหตุมักจะเกิดจากการกดทับนานๆ การดึงรั้ง การถูที่ผิวหนัง ที่ทำซ้ำกันบ่อยๆ ทำให้เกิดการหนาตัวของหนังกำพร้า(Hypercornification) ทำให้รูขุมขนอุดตัน จึงมักจะเกิดเป็นสิวอักเสบ นูนแดง หรือสิวหัวหนอง มักพบได้บ่อยในบริเวณก้น เอว(ตามขอบกางเกงใน) คาง ใต้ตา( ขอบแว่น) หลัง แก้มข้างใดข้างหนึ่ง(กรณีที่ชอบนอนตะแคงข้างนั้นบ่อยๆ)
การรักษา: หลีกเลี่ยงพฤติกรรมดังกล่าว ส่วนยาที่ใช้รักษา จะรักษาเช่นเดียวกับการรักษาสิวทั่วไป
11. สิวในผู้สูงอายุ (Senile or solar comedone,Favre’-Rachouchot’s disease): มักพบในคนสูงอายุที่โดนแสงแดดมากๆ และนานๆ เช่น ชาวนา ชาวสวน มักพบเป็นสิวอุดตันหัวขาว บริเวณรอบๆ ตาและโหนกแก้ม และอาจจะขยายเป็นสิวหัวดำ ไม่มีลักษณะเป็นสิวอักเสบ บวมแดง โดยเชื่อว่าเกิดจากแสงแดดไปทำลายเนื้อเยื่อรอบๆรูขุมขน จึงทำให้รูขุมขนกว้างและผิดปกติ

Related