ครีมกันแดด เลือกแบบไหน ใช้อย่างไร ถึงจะได้ผลในการป้องกันรังสียูวี ใครควรใช้
ปัจจุบันนี้ วงการแพทย์ได้พิสูจน์และวิจัยแล้วว่า แสงแดดเป็นสาเหตุหลักสาเหตุหนึ่ง ที่ทำให้เกิดปัญหาหลายอย่างต่อผิวหน้า เช่น ทำให้เกิดฝ้า กระ รอยหมองคล้ำ มะเร็งผิวหนัง ริ้วรอยแก่ก่อนวัย ฯลฯ จึงเห็นว่า การใช้ครีมกันแดดทุกวัน เป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับทุกเพศทุกวัย แพทย์บางท่านแนะนำให้เด็กอายุ ตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไป ทาครีมกันแดด โดยให้ผู้ปกครองทาให้ เพื่อสร้างนิสัยการทาครีมกันแดด
ประสิทธิภาพของครีมกันแดด แต่ละยี่ห้อ มีหลักการพิจารณาในการเลือกซื้อคือ ต้องดูที่ค่า SPF=Sun Protective Factor ซึ่งหมายถึง ค่าที่ใช้วัดในการกันแดด ว่าเป็นกี่เท่าของผิวที่ไม่ได้ทากันแดด ในเวลาและบริเวณเดียวกัน โดยมีวิธีคิดดังนี้ SPF=MED บริเวณที่ทายากันแดด/MED บริเวณที่ไม่ได้ทากันแดด โดยค่า MED ย่อมาจาก ปริมาณแสงที่น้อยที่สุดที่ทำให้เกิดรอยแดงที่ผิวหนัง( Minimum Erythematous dose)
ควรใช้ครีมกันแดดที่ค่า SPF เท่าใด ได้มีการทดลองด้วยค่าต่างๆ กันเทียบกับการดูดซับแสงดังนี้
SPF
|
ค่าดูดซับแสง UVB(%)
|
2
|
50
|
4
|
75
|
8
|
87.5
|
15
|
93.3
|
20
|
95
|
30
|
96.7
|
45
|
97.8
|
50
|
98
|
จะเห็นได้ว่า ค่า SPF ระหว่าง 15-45 จะให้คุณสมบัติในการดูดซับแสงได้ใกล้เคียงกัน และ ค่า SPF ระหว่าง 30-45 แทบไม่มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญในการดูดซับรังสีUVB ดังนั้น แพทย์นิยมให้คนไข้ ใช้ครีมกันแดด ที่มี SPF สูงกรณีที่ต้องตากแดดนานติดต่อกัน และใช้ครีมกันแดด SPF ต่ำ กรณีที่ตากแดดเป็นครั้งคราว เพราะ ครีมกันแดดที่มีค่า SPF ยิ่งสูง ก็จะมีความมันมาก และราคาสูง ตามความเห็นของผู้เขียนมเห็นว่า ครีมกันแดดที่ควรเลือก สำหรับผิวคนไทย น่าจะมีค่า SPF=15 กรณีผิวมัน และ SPF= 30 กรณีที่ผิวธรรมดา และผิวแห้ง
รูปแบบของสารกันแดด ที่หลายแบบ แต่แนะนำให้ใช้ ในรูปของครีมหรือโลชั่น เพราะมีประสิทธิภาพดี ค่า SPF สูง เพราะในรูปอื่น เช่น Oils ( มักจะมันมาก ราคาแพง) Gel ( ไม่มัน รู้สึกดี แต่ผลิตยาก ไม่คงตัว SPF ต่ำเกินไป) สเปรย์ มักมีการกระจายตัวไม่สม่ำเสมอ
ข้อแนะนำในการใช้ครีมกันแดดทั่วไป
- ควรทาครีมกันแดดทุกวัน โดยเฉพาะในช่วงเวลา 9.00-16.00 น. โดยทาก่อนออกแดด 15-30 นาที
- ควรทาหนาพอควร สำหรับใบหน้า หู คอ และหลังมือ จะใช้ประมาณ 2-3 กรัม
- ทากันแดดซ้ำ หลังว่ายน้ำ หรือเหงื่อออกมากๆ
- หลีกเลี่ยงการทารอบดวงตา เพราะอาจระคายเคืองได้ง่าย
- บริเวณจมูก และร่องแก้ม โหนกแก้ม ควรทาครีมกันแดดให้มาก เพราะกระทบแสงแดดโดยตรง และเป็นตำแหน่งที่เกิดปัญหาฝ้าได้บ่อย
- บริเวณริมฝีปาก อาจทากันแดด ที่อยู่ในรูปของลิปติก หรือผสม Wax
- ในคนที่ผมบาง ควรทาครีมกันแดด ที่หนังศีรษะด้วย
- ถ้าเป็นไปได้ ควรสวมหมวก ใส่เสื้อผ้าปกคลุม กรณีตากแดดจัด และเป็นเวลานานๆ
- กรณีที่มีปัญหา ผิวแพ้ง่าย หรือ เป็นสิว อาจงดครีมกันแดด ไว้ก่อน โดยป้องกันด้วยวิธีอื่นไปก่อน แล้วปรึกษาแพทย์เพื่อการเลือกใช้ที่เหมาะสม
เคล็ดลับการทาครีมกันแดดหน้าร้อน
- ทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF มากกว่า 15 สำหรับผิวมัน และ SPF มากกว่า 30 สำหรับผิวแห้ง สำหรับป้องกันรังสียูวีบี และเลือกค่า PA ++ เป็นอย่างน้อยสำหรับป้องกันรังสียูวีเอ และควรเป็นประจำทุกวัน โดยเฉพาะบริเวณใบหน้าและริมฝีปาก และเลือกครีมบำรุงที่มีสารปกป้องแสงแดด
- ครีมกันแดดที่เลือกใช้ ควรดูข้างขวดว่า สามารถปกป้องได้ทั้ง UVA,UVB เพราะยูวีเอ จะทำให้ผิวหนังแห้ง และเหี่ยวย่นได้ ส่วนยูวีบี จะทำให้ผิวหน้าแดง หมองคล้ำ และใหม้เกรียม
- สารกันแดดที่เลือกใช้ ถ้าเลือกแบบที่สะท้อนแสงแดด ( physical sunscreens) เช่น Zinc oxide,Titanium จะได้ผลดีกว่าแบบ ดูดซับแสงไว้ที่ผิว( chemical sunscreen) แต่ก็ไม่เหมาะกับคนผิวคล้ำ เพราะจะทำให้ผิวหน้าขาวเกินไป
- ทาครีมกันแดดทุกครั้งก่อนออกจากบ้าน อย่ารีรอไปทาข้างนอกบ้าน หรือบนชายหาด เพราะกว่าจะทาเสร็จเรียบร้อย ผิวอาจได้รับแสงแดดมากพอที่จะทำลายผิว
- ใช้ครีมกันแดดในปริมาณมากพอควร คือ ประมาณ 2 ข้อมือสำหรับผิวหน้า และใช้ครีมกันแดดที่มีปริมาณอย่างน้อยประมาณ 30 กรัม สำหรับทาทั่วผิวกาย อย่าถูแรงเกินไป อาจทำให้ครีมหลุดลอก ไม่สามารถป้องกันแดดได้เต็มที่ นอกจากนี้ควรทาครีมกันแดด ห่างกันทุก 2 ซม. ถ้าทิ้งช่วงทานานกว่านี้ อาจจะทำให้ประสิทธิภาพลดลงได้ ถ้าเหงื่อออก หรือโดนน้ำสาดช่วงสงกรานต์ ควรทาครีมกันแดดซ้ำได้ทันทีที่ผิวแห้งลง หรือเลิกเล่นสาดน้ำช่วงสงกรานต์
- การพักผ่อนตามชายทะเล การเล่นกีฬา หรือทำกิจกรรมกลางแจ้งในหน้าร้อน ควรทาครีมเพิ่มเติมทุก ๆ 2 ชั่วโมง เพราะแสงแดดจะทำลายคุณสมบัติของครีมตลอดเวลา จึงต้องเติมเพิ่มเติม แต่ยังไงพกหมวก ร่ม แว่นกันแดด ไปด้วย
- ควรหลีกเลี่ยงแสงแดดในช่วงเวลาที่ร้อนที่สุด คือ เวลาระหว่าง 10.00-15.00 น. หรือสวมเสื้อแขนยาว สวมหมวก หรือกางร่มเมื่อจำเป็นต้องออกจากบ้าน
- หากต้องการเปลี่ยนสีผิวให้เป็นสีแทน ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารกันแดดและวิตามินอี
- นอกจากนี้ควรลดอัตราเสี่ยงอย่างอื่นที่เกี่ยวข้อง เช่น การสูบบุหรี่ การดื่มเหล้า และมลภาวะต่างๆ เพราะจะทำให้แสงแดดทำลายผิวพรรณได้ง่ายขึ้น
- สำหรับบางท่านที่ใช้ครีมที่มีส่วนผสมของกรดผลไม้ จะทำให้ผิวไวต่อแสงแดด ดังนั้นควรทาครีมกันแดดที่ SPF > 30 จะปกป้องผิวได้ดีกว่า