ครีมกันแดด เลือกแบบไหน ใช้อย่างไร ถึงจะได้ผลในการป้องกันรังสียูวี ใครควรใช้

ความงามทั่วไป

4 พฤษภาคม 2005


ปัจจุบันนี้ วงการแพทย์ได้พิสูจน์และวิจัยแล้วว่า แสงแดดเป็นสาเหตุหลักสาเหตุหนึ่ง ที่ทำให้เกิดปัญหาหลายอย่างต่อผิวหน้า เช่น ทำให้เกิดฝ้า กระ รอยหมองคล้ำ มะเร็งผิวหนัง ริ้วรอยแก่ก่อนวัย ฯลฯ จึงเห็นว่า การใช้ครีมกันแดดทุกวัน เป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับทุกเพศทุกวัย แพทย์บางท่านแนะนำให้เด็กอายุ ตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไป ทาครีมกันแดด โดยให้ผู้ปกครองทาให้ เพื่อสร้างนิสัยการทาครีมกันแดด

ประสิทธิภาพของครีมกันแดด แต่ละยี่ห้อ มีหลักการพิจารณาในการเลือกซื้อคือ ต้องดูที่ค่า SPF=Sun Protective Factor ซึ่งหมายถึง ค่าที่ใช้วัดในการกันแดด ว่าเป็นกี่เท่าของผิวที่ไม่ได้ทากันแดด ในเวลาและบริเวณเดียวกัน โดยมีวิธีคิดดังนี้ SPF=MED บริเวณที่ทายากันแดด/MED บริเวณที่ไม่ได้ทากันแดด โดยค่า MED ย่อมาจาก ปริมาณแสงที่น้อยที่สุดที่ทำให้เกิดรอยแดงที่ผิวหนัง( Minimum Erythematous dose)

ควรใช้ครีมกันแดดที่ค่า SPF เท่าใด ได้มีการทดลองด้วยค่าต่างๆ กันเทียบกับการดูดซับแสงดังนี้

SPF
ค่าดูดซับแสง UVB(%)
2
50
4
75
8
87.5
15
93.3
20
95
30
96.7
45
97.8
50
98

จะเห็นได้ว่า ค่า SPF ระหว่าง 15-45 จะให้คุณสมบัติในการดูดซับแสงได้ใกล้เคียงกัน และ ค่า SPF ระหว่าง 30-45 แทบไม่มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญในการดูดซับรังสีUVB ดังนั้น แพทย์นิยมให้คนไข้ ใช้ครีมกันแดด ที่มี SPF สูงกรณีที่ต้องตากแดดนานติดต่อกัน และใช้ครีมกันแดด SPF ต่ำ กรณีที่ตากแดดเป็นครั้งคราว เพราะ ครีมกันแดดที่มีค่า SPF ยิ่งสูง ก็จะมีความมันมาก และราคาสูง ตามความเห็นของผู้เขียนมเห็นว่า ครีมกันแดดที่ควรเลือก สำหรับผิวคนไทย น่าจะมีค่า SPF=15 กรณีผิวมัน และ SPF= 30 กรณีที่ผิวธรรมดา และผิวแห้ง

รูปแบบของสารกันแดด ที่หลายแบบ แต่แนะนำให้ใช้ ในรูปของครีมหรือโลชั่น เพราะมีประสิทธิภาพดี ค่า SPF สูง เพราะในรูปอื่น เช่น Oils ( มักจะมันมาก ราคาแพง) Gel ( ไม่มัน รู้สึกดี แต่ผลิตยาก ไม่คงตัว SPF ต่ำเกินไป) สเปรย์ มักมีการกระจายตัวไม่สม่ำเสมอ

ข้อแนะนำในการใช้ครีมกันแดดทั่วไป

  1. ควรทาครีมกันแดดทุกวัน โดยเฉพาะในช่วงเวลา 9.00-16.00 น. โดยทาก่อนออกแดด 15-30 นาที
  2. ควรทาหนาพอควร สำหรับใบหน้า หู คอ และหลังมือ จะใช้ประมาณ 2-3 กรัม
  3. ทากันแดดซ้ำ หลังว่ายน้ำ หรือเหงื่อออกมากๆ
  4. หลีกเลี่ยงการทารอบดวงตา เพราะอาจระคายเคืองได้ง่าย
  5. บริเวณจมูก และร่องแก้ม โหนกแก้ม ควรทาครีมกันแดดให้มาก เพราะกระทบแสงแดดโดยตรง และเป็นตำแหน่งที่เกิดปัญหาฝ้าได้บ่อย
  6. บริเวณริมฝีปาก อาจทากันแดด ที่อยู่ในรูปของลิปติก หรือผสม Wax
  7. ในคนที่ผมบาง ควรทาครีมกันแดด ที่หนังศีรษะด้วย
  8. ถ้าเป็นไปได้ ควรสวมหมวก ใส่เสื้อผ้าปกคลุม กรณีตากแดดจัด และเป็นเวลานานๆ
  9. กรณีที่มีปัญหา ผิวแพ้ง่าย หรือ เป็นสิว อาจงดครีมกันแดด ไว้ก่อน โดยป้องกันด้วยวิธีอื่นไปก่อน แล้วปรึกษาแพทย์เพื่อการเลือกใช้ที่เหมาะสม

เคล็ดลับการทาครีมกันแดดหน้าร้อน

  1. ทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF มากกว่า 15 สำหรับผิวมัน และ SPF มากกว่า 30 สำหรับผิวแห้ง สำหรับป้องกันรังสียูวีบี และเลือกค่า PA ++ เป็นอย่างน้อยสำหรับป้องกันรังสียูวีเอ และควรเป็นประจำทุกวัน โดยเฉพาะบริเวณใบหน้าและริมฝีปาก และเลือกครีมบำรุงที่มีสารปกป้องแสงแดด
  2. ครีมกันแดดที่เลือกใช้ ควรดูข้างขวดว่า สามารถปกป้องได้ทั้ง UVA,UVB เพราะยูวีเอ จะทำให้ผิวหนังแห้ง และเหี่ยวย่นได้ ส่วนยูวีบี จะทำให้ผิวหน้าแดง หมองคล้ำ และใหม้เกรียม
  3. สารกันแดดที่เลือกใช้ ถ้าเลือกแบบที่สะท้อนแสงแดด ( physical sunscreens) เช่น Zinc oxide,Titanium จะได้ผลดีกว่าแบบ ดูดซับแสงไว้ที่ผิว( chemical sunscreen) แต่ก็ไม่เหมาะกับคนผิวคล้ำ เพราะจะทำให้ผิวหน้าขาวเกินไป
  4. ทาครีมกันแดดทุกครั้งก่อนออกจากบ้าน อย่ารีรอไปทาข้างนอกบ้าน หรือบนชายหาด เพราะกว่าจะทาเสร็จเรียบร้อย ผิวอาจได้รับแสงแดดมากพอที่จะทำลายผิว
  5. ใช้ครีมกันแดดในปริมาณมากพอควร คือ ประมาณ 2 ข้อมือสำหรับผิวหน้า และใช้ครีมกันแดดที่มีปริมาณอย่างน้อยประมาณ 30 กรัม สำหรับทาทั่วผิวกาย อย่าถูแรงเกินไป อาจทำให้ครีมหลุดลอก ไม่สามารถป้องกันแดดได้เต็มที่ นอกจากนี้ควรทาครีมกันแดด ห่างกันทุก 2 ซม. ถ้าทิ้งช่วงทานานกว่านี้ อาจจะทำให้ประสิทธิภาพลดลงได้ ถ้าเหงื่อออก หรือโดนน้ำสาดช่วงสงกรานต์ ควรทาครีมกันแดดซ้ำได้ทันทีที่ผิวแห้งลง หรือเลิกเล่นสาดน้ำช่วงสงกรานต์
  6. การพักผ่อนตามชายทะเล การเล่นกีฬา หรือทำกิจกรรมกลางแจ้งในหน้าร้อน ควรทาครีมเพิ่มเติมทุก ๆ 2 ชั่วโมง เพราะแสงแดดจะทำลายคุณสมบัติของครีมตลอดเวลา จึงต้องเติมเพิ่มเติม แต่ยังไงพกหมวก ร่ม แว่นกันแดด ไปด้วย
  7. ควรหลีกเลี่ยงแสงแดดในช่วงเวลาที่ร้อนที่สุด คือ เวลาระหว่าง 10.00-15.00 น. หรือสวมเสื้อแขนยาว สวมหมวก หรือกางร่มเมื่อจำเป็นต้องออกจากบ้าน
  8. หากต้องการเปลี่ยนสีผิวให้เป็นสีแทน ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารกันแดดและวิตามินอี
  9. นอกจากนี้ควรลดอัตราเสี่ยงอย่างอื่นที่เกี่ยวข้อง เช่น การสูบบุหรี่ การดื่มเหล้า และมลภาวะต่างๆ เพราะจะทำให้แสงแดดทำลายผิวพรรณได้ง่ายขึ้น
  10. สำหรับบางท่านที่ใช้ครีมที่มีส่วนผสมของกรดผลไม้ จะทำให้ผิวไวต่อแสงแดด ดังนั้นควรทาครีมกันแดดที่ SPF > 30 จะปกป้องผิวได้ดีกว่า


Related