Finescan 1550 คือ เลเซอร์ที่ใช้รักษาหลุมสิว ผิวหน้ามัน สิวอักเสบ สิวเรื้อรัง รูขมขนกว้าง ที่ได้รับความนิยม โดยหลักการทำงาน คือการยิงแสงเป็นลำเล็กๆ จำนวนมาก เพื่อทำให้เกิดการทำลายที่ผิวหนังเป้าหมาย เช่น รอยหลุม รูขุมขนกว้าง หรือแผลเป็นต่างๆ แล้วก่อให้เกิดการบาดเจ็บเล็กๆ (microinjuries) หลังจากนั้นก็จะเกิดการสมานแผล และสร้างคอลลาเจนขึ้นมาใหม่ หลังทำ ผิวหน้าจึงกระชับขึ้น รูขุมขนเล็กลง รอยหลุมตื้นขึ้น รอยด่างดำ จางลง  
Fine Scan 1550 แตกต่างจาก Fraxel อย่างไร
Fine Scan 1550 จะมีหัวยิงเลเซอร์แบบ  dual axis scanner กระจายพลังงานไปทั่วๆ บริเวณที่ยิง พลังงานจากเลเซอร์ จะพ่นออกมาได้เหมือนสเปรย์สี และพ่นแบบสุ่มไปมาหลายๆ พื้นที่ (random) จึงมีโอกาสเกิดความร้อนสะสมน้อยกว่า หลังยิงจึงไม่เกิดรอยดำเป็นตาข่าย ระยะเวลาพักฟื้นน้อย ส่วน Fraxel จะจะมีหัวยิงเลเซอร์แบบ  single axis scanner ซึ่งจะพ่นพลังงานเลเซอร์แบบคลี่พัดจีน scan แนวเดียวทีละแถว ทำให้ความร้อนเกิดไม่สม่ำเสมอ โดยเมื่อยิ่งทำไปนานๆ ความร้อนจะสะสมที่หางแถวไปเรื่อยๆ จึงมักจะเกิดรอยดำหรือรอยแดงช้ำ ได้ง่ายกว่า

Fractional RF Microneedling (F.R.M ) ติดเข็มนาโนขนาดเล็กมาก ขณะทำงาน จะแทงทะลุผ่านชั้นผิวหนังกำพร้า เข้าไปที่ชั้นหนังแท้  ตัวเข็มนาโน จะทำหน้าที่คล้ายๆ Dermaroller โดยทำให้เกิด Stamping effect ไปกระตุ้น Growth facter และยังทำลายพังผืดที่ยึดเกาะรอยหลุม  หรือรูขุมขนกว้างหลังจากเข็มผ่านเข้าไปยังบริเวณที่ต้องการแล้ว จะมีการปลดปล่อยคลื่น  RF  โดยพลังงานตัวนี้จะไปกระตุ้นองค์ประกอบสำคัญของผิวทั้ง 3 ชนิด ในคราวเดียวกัน คือ กระตุ้นการสร้าง Collagen,Elastin และ Hyaluronic acid  ไปพร้อมๆกัน  ซึ่งทั้งสามตัว จะมีผลทำให้รอยหลุมตื้นและเต็มขึ้นได้
ข้อดีของการรักษาด้วย F.R.M
เหมาะกับทุกสภาพสีผิว เห็นผลชัดเจนตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ และได้ผลดีที่สุดในการรักษารอยหลุมสิว รูขุมขนกว้าง ในปัจจุบัน และยังมีผลข้างเคียงน้อยกว่า Fractional laser or Finescan 1550 ได้ผลดีกว่า 2-3 เท่่า แต่ราคาก็แพงกว่า 2-3 เท่า

E-MATRIX  :  เป็น Fractional RF แบบที่ไม่ใช้เข็ม แต่จะเป็นหัวที่สัมผัสกับผิว   โดยจะปล่อย RF  ชนิด Bipolar RF  การวิ่งของคลื่น RF แบบ Dual Matrix คือ วิ่งซิกแซกไปมา เพื่อลดแรงเสียดทานที่ผิว ทำให้ลดความเจ็บปวดขณะทำ แต่ได้ผลเป็นเลิศ  กระแส RF จะลงไปทำให้เกิดความร้อนใต้ผิวที่ลึกลงไป โดยที่บริเวณผิวชั้นบน จะทำให้เกิดการลอกผิวด้านบนออก ในขณะที่ความร้อนบางส่วนจะลงไปบริเวณชั้นล่าง เพื่อกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนใต้ผิวหนัง
เหมาะกับคนที่กลัวเข็ม ผิวหน้ามีรอยด่างดำ หลุมสิวชนิดไม่มีพังผืด รูขุมขนกว้าง แต่ไม่เหมาะกับคนสีผิวคล้ำ คนที่เป็นฝ้า หรือกระได้ง่าย เพราะจะเกิดรอยดำได้ง่าย และต้องใช้เวลาในการพักฟื้นหลังทำ 5-7 วัน

Norkor Needle Subcision: เหมาะกับรอยหลุมที่มีัพังผืด ยึดเกาะมาก โดยการใช้เข็มที่มีใบมีดอยู่ตรงปลายเข็ม ใช้สำหรับทำ Subcision โดยเฉพาะ  ขนาดเท่าเบอร์ 18 แทงเซาะบริเวณใต้ฐานหลุม ทำให้มีการแยกชั้นของผิวหนัง ตัดพังผืดที่ยึดเกาะรอยหลุม ทำให้รอยหลุมแยกตัวแล้วก็จะหลุดออก เกิดเลือดมาสะสมที่ในรอยแยก พร้อมกับนำพา Fibroblast มาทำการซ่อมแซมส่วนที่บาดเจ็บ ทำเสริมกับการทำรักษาด้วย Finescan laser,Fractional RF เพื่อให้มีการสร้างเนื้อเยื่อคอลลาเจนขึ้นมาใหม่ไปในเวลาเดียวกัน

รอยดำสิว เป็นปัญหาของสีผิวที่ผิดปกติ จากการสร้างเม็ดเมลานินเข้มขึ้นกว่าปกติ ซึ่งทำให้เกิดรอยดำ มักจะเกิดหลังจากการอักเสบของสิว การทำให้รอยดำลอกออกด้วยกรดเข้มข้น หรือทาครีมไวเทนนิ่งหรือกรอผิวอาจจะช่วยได้แค่รอยดำในชั้นตื้นๆ แต่มีโอกาสกลับมาดำใหม่ได้ นอกจากนี้ยังไม่ช่วยให้รอยดำชั้นลึกให้จางลงได้ Revlite laser จะใช้การรักษาที่แตกต่างไป โดยจะทำให้รอยดำ ค่อยๆ จางด้วยการระเบิดเม็ดสีที่จับตัวแน่นให้คลายออก แล้วให้เซลล์เม็ดเลือดขาวมากินเม็ดสีเมลานิน รักษาได้ทั้งรอยดำตื้น หรือรอยดำลึก รอยดำจะค่อยๆ จางลง และไม่กลับมาดำได้ใหม่

V-Beam Laser จัดเป็นเลเซอร์ชนิดเดียว ที่เป็น Gold Standard ในการรักษารอยแดงสิว ที่ได้ผลดีที่สุด ไวสุด เห็นผลในครั้งเดียว รอยแดงจากสิว จะจางหายไปทันทีที่ยิง และยังไปกระตุ้นทำให้เกิดการสร้างเส้นเลือดใหม่ ( new Vascularlization) ซึ่งทำหน้าที่นำอาหารมาสู่ผิวหนังมากขึ้นกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่
นอกจากนี้ยังถูกออกแบบมาเพื่อรักษาความผิดปกติของรอยแดงชนิดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น เส้นเลือดในรูปแบบต่างๆ เช่น เส้นเลือดฝอยบนใบหน้า เส้นเลือดฝอยที่ขา แผลเป็นนูน ปานแดง โดยไม่ทำให้เกิดการทำลายเนื้อเยื่อหรือผิวบริเวณที่ทำการรักษา