ยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน( Postcoital pills) : รู้ก่อนใช้ ว่ามีกี่แบบ ใช้อย่างไรให้ปลอดภัย ไร้ผลข้างเคียง

สุขภาพ-งานวิจัย

14 พฤษภาคม 2004


ยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน( Postcoital pills หรือ (morning after pills) เป็นยาคุมกำเนิดที่แต่ละเม็ดประกอบด้วยฮอร์โมนเพศในปริมาณที่สูง จะใช้เฉพาะกรณีจำเป็นคือมีการร่วมเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกันล่วงหน้า หรือ กรณีถูกข่มขื่น โดยจะให้กินยาภายใน 24-48 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ (บางตำราอาจให้ยาวได้ถึง 72 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ แต่ความมั่นใจในการป้องกันการตั้งครรภ์ก็จะน้อยกว่า ) และหลังจากรับประทานยาไปประมาณ 1 สัปดาห์จะมีประจำเดือนตามปกติ
ชนิดของยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉิน
1.การใช้ฮอร์โมน estrogen อย่างเดียว การใช้ estrogen ขนาดสูงในการคุมกำเนิดฉุกเฉิน จะมีหลายชนิดและหลายขนาด ตลอดจนวิธีบริหารยาที่แตกต่างกันเช่น
-Ethinyl estradiol รับประทาน 5 mg. /วัน 5 วันติดต่อกัน
– Conjugated estrogen รับประทาน 5 mg./ วัน 5 วันติดต่อกัน
– conjugated estrogen 50 mg. ฉีดเข้าหลอดเลือดดำเป็นเวลา 2 วัน
– estradiol benzoate 30 mg. ฉีดเข้ากล้ามเนื้อเป็นเวลา 5 วัน
ทั้งนี้ ฮอร์โมนที่ใช้จะต้องใช้ภายใน 72 ชั่วโมง หลังจากที่มีเพศสัมพันธ์ครั้งแรก ผลข้างเคียงที่พบได้ คือ คลื่นไส้ อาเจียน เวียนศรีษะ ปวดศรีษะ คัดตึงเต้านม ระดูมาผิดปกติ ปัจจุบันไม่เป็นที่นิยมเนื่องจากผลข้างเคียงดังกล่าว
2.การใช้ฮอร์โมน progestogen อย่างเดียว มีการนำเอา levonorgestrel มาใช้ โดยใช้ levonorgestrel ขนาด 0.75 mg. รับประทาน 2 ครั้ง ห่างกัน 12 ชั่วโมง ให้รับประทานภายใน 72 ชั่วโมง หลังจากมีเพศสัมพันธ์ อัตราความล้มเหลว 1.1-2.9% ผลข้างเคียงที่อาจพบได้คือ คลื่นไส้ อาเจียน นอกจากนี้มีการศึกษาพบว่า ระยะเวลาที่เริ่มรับประทานยามีผลต่อประสิทธิภาพของวิธีการคุมกำเนิด โดยการที่ทานยาภายใน 24 ชั่วโมงจะป้องกันการตั้งครรภ์ได้ดีกว่าทานภายใน 72 ชั่วโมง

3.การใช้ฮอร์โมนรวม estrogen+ progestrogen (Yuzpe regimen)  วิธีนี้เป็นวิธีที่ FDA และ วิทยาลัยสูตินรีเเพทย์แห่ง USA แนะนำ แบ่งได้เป็น
3.1 ยาเม็ดคุมกำเนิดที่มี ethinyl estradiol 0.05 mg. + levonorgestrel 0.25 mg.or norgestrel 0.5mg. รับประทานครั้งละ 2 เม็ด จำนวน 2 ครั้ง ห่างกัน 12 ชั่วโมง โดยให้รับประทานครั้งแรกภายใน 72 ชั่วโมงภายหลังการมีเพศสัมพันธ์
3.2 ยาเม็ดคุมกำเนิดที่มี ethinyl estradiol 0.03 mg. + levonorgestrel 0.15 mg.or norgestrel 0.3mg. รับประทานครั้งละ 2 เม็ด จำนวน 2 ครั้ง ห่างกัน 12 ชั่วโมง โดยให้รับประทานครั้งแรกภายใน 72 ชั่วโมงภายหลังการมีเพศสัมพันธ์ ผลข้างเคียงที่พบ มีอาการคลื่นไส้( 30-66% ) อาเจียน (12-22% อาการจะลดลงถ้าทานยาแก้คลื่นไส้ อาเจียน ก่อนประมาณ 1 ชั่วโมง) เจ็บคัดตึงเต้านม (1-47%) และพบว่ามากกว่า ร้อยละ 90 จะมีระดูภายใน 21 วัน หลังรับประทานยา ระยะเวลาเฉลี่ย 7-9 วัน อัตราความล้มเหลว 2-3.5% (ถ้าใช้วิธีนี้แล้วยังเกิดการตั้งครรภ์ ยังไม่พบรายงานว่าทารกมีความผิดปกติหรือพิการแต่กำเนิด)
4.การใช้ยา Antiprogestin  มีการนำ Mifepristone ซึ่งเป็น antiprogestin มาใช้ พบว่ามีประสิทธิภาพสูง ซึ่งจะออกฤทธิ์ยับยั้งการตกไข่ ทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกมีการเปลี่ยนแปลง มีการเจริญเติบโตช้ากว่าปกติ แต่จะไม่มีผลต่อการสร้างฮอร์โมนของรังไข่ Mifepristone 600 mg. รับประทานครั้งเดียวภายใน 72 ชั่วโมงภายหลังมีเพศสัมพันธ์จะสามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ประมาณ 100% ผลข้างเคียงที่พบ 42% จะมีระดูเลื่อนออกไปมากกว่า 3 วัน อาจพบอาการคลื่นไส้ อาเจียนได้บ้างแต่น้อยมาก แต่ยานี้ยังไม่มีจำหน่ายไนประเทศไทย
5.การใช้ยา danazol ยาประเภทนี้มักจะใช้โดยสูตินารีแพทย์ และใช้รักษาโรคตั้งครรภ์ไข่ปลาอุก ( Endomethiosis) จะไม่กล่าวถึงในรายละเอียด
ผลข้างเคียง จากการใช้ยาคุมฉุกเฉิน
– อาจก่อให้เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน
– ทำให้ประจำเดือนมาเร็วหรือช้าลง
– อาจมีอาการปวดท้อง เจ็บคัดเต้านม
– มีเลือดออกกระปริบกระปรอยหรือมีเลือดออกมากระหว่างเดือน 
และหากหลังใช้ยา ประจำเดือนยังไม่มาเกินกว่า 1 สัปดาห์ควรตรวจดูว่าเป็นเพราะตั้งครรภ์หรือไม่ หากสงสัยควรไปปรึกษาแพทย์

อย่างไรก็ตามการใช้ยาเม็ดคุมกําเนิดแบบฉุกเฉินอย่างถูกต้องภายหลังมีเพศสัมพันธ์โดยไม่มีการป้องกันการตั้งครรภ์ พบว่า มีอัตราการตั้งครรภ์ เกิดขึ้นได้ร้อยละ 2 เรียกได้ว่ายาเม็ดคุมกําเนิดแบบฉุกเฉิน มีประสิทธิภาพต่ำกว่าวิธีคุมกําเนิดแบบปกติทั่ว ๆ ไป ดังนั้น ถ้านําเอายาเม็ดคุมกําเนิดแบบฉุกเฉินมาใช้บ่อยครั้ง จึงมีความเสี่ยงที่จะเกิดการล้มเหลวได้ จึงเป็นเหตุผลว่า ทําไมจึงไม่ควรจะนําเอายาเม็ดคุมกําเนิดแบบฉุกเฉินมาใช้เพื่อคุมกําเนิดเป็นประจํา ไม่แนะนำให้ใช้ยาคุมกำเนิดประเภทนี้ และไม่ควรกินยานี้เกินสัปดาห์ละ 1 ครั้งหรือเกินเดือนละ 4 ครั้ง

Related