ก่อนจะดูดไขมัน ( Liposuction ) ควรจะรู้ว่า มีวิธีไหนได้บ้าง อย่างไร จะได้สวยปลอดภัย

ศัลยกรรมความงาม

9 พฤศจิกายน 2019


ดูดไขมัน สร้างความมั่นใจ ให้หุ่นสวย ปลอดภัย

ไขมันส่วนเกิน คือ ไขมันที่เกิดจากการรับประทานอาหารเข้าไปในร่างกายและไม่สามารถที่จะขับออกจากร่างกายหรือไม่ได้เผาผลาญออกมาจากร่างกาย จึงกลายเป็น ไขมันส่วนเกินหรือ พลังงานส่วนเกิน อาจจะมีสาเหตุจากกรรมพันธุ์ที่ทำให้สัดส่วนบริเวณนี้ลดลงได้ค่อนข้างยาก หรือขาดการออกกำลังกาย หรือระบบการเผาผลาญในร่างกายมีความผิดปกติ
ดังนั้นการดูดไขมันส่วนเกิน จึงอาจจะเป็นทางเลือกที่ได้ผลดีและเห็นผลทันทีหลังทำ โดยบริเวณที่นิยมทำการดูดไขมัน มักจะเป็นบริเวณที่มีไขมันสะสมอยู่จำนวนมาก ถ้าเลือกใช้วิธีอื่นอาจจะได้ผลช้า และต้องทำหลายครั้ง เช่น บริเวณหน้าท้อง สะโพก  ต้นขา เป็นต้น

วัตถุประสงค์
1.ดูดไขมันเพื่อนำเซลล์ไขมันกลับมาใช้ เพื่อเสริมส่วนต่างๆ ของร่างกาย
2.ดูดไขมันเพื่อปรับปรุงรูปร่าง (เซลล์ไขมันไม่สามารถนำกลับมาใช้ได้อีก)
ข้อดีของการดูดไขมัน
1. สามารถเลือกกำจัดไขมันส่วนเกินที่สะสมตามร่างกายเฉพาะจุดได้ ได้ผลทันทีหลังทำ
2. ใช้เวลาในการพักฟื้นไม่นาน
3. สามารถนำไขมันส่วนเกินที่ถูกดูดออกมาแล้ว ไปเพิ่มที่อื่นได้ ทดแทนฟิลเลอร์ ราคาถูกกว่า และถือเป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย
4. ถ้าคุณดูแลตัวเองให้ดีหลังจากที่ดูดไขมันไปแล้ว ผลของการรักษาก็จะอยู่ได้นานมากขึ้น
ข้อเสียของการดูดไขมัน
1.  อาจจะมีอาการฟกช้ำดำเขียวอยู่ช่วงหนึ่ง แต่จะค่อยๆ จางหายไปใน 4-6 อาทิตย์
2.  อาการผิวเป็นคลื่นๆ ไม่เรียบเนียนนั้น อาจเกิดได้จากการดูดไขมันที่ไม่มีความชำนาญ หรืออาจเกิดจากการดูแลตัวเอง
3.  แผลที่มาจากการดูดไขมันอาจมีอาการเจ็บบ้าง แต่ไม่มาก ช่วงเวลาพักฟื้นอาจมีเลือดหรือน้ำเหลืองไหลออกมา
4.  อาจจะมีโอกาสเป็นแผลนูน แผลคีรอยด์ได้
5. เมื่อดูดไขมันแล้ว อาจจะมีความนูนโค้งไม่เสมอกัน มีรอยย่นของกล้ามเนื้อในจุดที่ดูดไขมัน ทำให้ผิวพรรณดูไม่เป็นธรรมชาติ

วิธีดูดไขมันมีกี่แบบ

ตั้งแต่อดีต จนถึงปัจจุบัน หลักการดูดไขมัน คือ การนำท่อขนาดต่างๆ กัน ใส่เข้าไปใต้ชั้นไขมันใต้ผิวหนัง แล้วใช้เครื่องมือที่มีความแรงในการดูดขนาดต่างๆ กัน วิธีการดูดไขมันมีหลายวิธีด้วยกัน ดังนี้
1. Syringe Method  เป็นการดูดไขมันด้วยอุปกรณ์สุญญากาศ โดยจะใส่ท่อขนาดเล็กลงในบริเวณที่ต้องการ ลงไปในชั้นไขมัน และใส่ยาชากับน้ำเกลือฉีดไปที่ด้วยเทคนิค Tumescent  เพื่อช่วยระงับความรู้สึกและลดการเสียเลือด ข้อดีของการดูดไขมันด้วยเทคนิคนี้จะช่วยเพิ่มความปลอดภัย ช่วยให้สามารถเอาไขมันออกมาได้ง่าย มักนิยมทำในบริเวณที่มีไขมันไม่มาก เพราะต้องใช้เวลาในการทำค่อนข้างมาก หรือทำการดูดไขมันมา หรือเพื่อนำไขมันมาฉีดเติมทดแทนฟิลเลอร์

2. Ultrasound Liposuction  เช่น VASER (Vibration Amplification of Sound Energy at Resonance ) เป็นการดูดไขมัน ด้วยการใช้พลังงานคลื่นเสียง ( Ultrasound ) ในระดับความถี่ที่เหมาะสมเพื่อเข้าไปทำปฏิกิริยากับไขมัน ทำให้ไขมันกลายเป็นของเหลว จากนั้นจึงใช้เครื่องมือดูดไขมันที่เป็นของเหลวออกมา มักจะใช้ในการดูดไขมันที่มีปริมาณมาก เช่น พุง ต้นขา สะโพก เพราะทำได้เร็ว ใช้เวลาน้อย นอกจากนี้ บางคนยังสามารถจะเอาวิธีมาดูดไขมัน สร้าง 6-Pack ได้ด้วย

3. Radio – Frequency Assisted Liposuction )  เช่น Body Tite คือ การใช้พลังงานจากคลื่นความถี่วิทยุ RF (Radio Frequency) ชนิด Bipolar พลังงานจากคลื่นความถี่วิทยุนี้ จะเปลี่ยนเป็นพลังงานความร้อนที่เนื้อเยื่อผิว ทำให้ไขมันสลายเป็นของเหลวก่อนจะถูกดูดออกมา ระหว่างการรักษาสามารถ ห้ามเลือดไปด้วยขณะทำการดูดไขมัน เพื่อลดการสูญเสียเลือดระหว่างการรักษ

4.Laser Liposuction  เช่น Smart Lipo Slimlipo, AccuSculpt  เป็นการดูดไขมัน ด้วยการใช้เลเซอร์ ในการสลายเซลล์ไขมัน โดยจะยิงเลเซอร์เข้าไปก่อน หลังจากนั้นจึงนำไขมันออกมา และยังช่วยทำให้ผิวกระชับขึ้นด้วย สามารถใช้รักษาในบริเวณที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยได้ และลดปัญหาผิวหย่อนคล้อยหลังการดูดไขมันแบบเดิมได้

5. Power and Vibration Liposuction  เช่น  PAL (Power Assisted Liposuction ) เป็นเครื่องมือที่ดูดไขมันใช้เข็มดูดไขมันที่การสั่นสะเทือนด้วยความถี่สูง คล้าย ๆ กับการสั่นของแปรงสีฟันไฟฟ้า  โดยมักจะทำร่วมกับวิธีอื่นๆ ซึ่งจะทำให้ดูดไขมันในส่วนที่ยากให้ออกมาง่ายขึ้น

6. Water Jet Liposuction : เช่น Body Jet เป็นการดูดไขมันโดยใช้พลังน้ำที่มีประสิทธิภาพการทำงานสูงในการแยกไขมันให้ออกจากเนื้อเยื่อส่วนต่างๆ โดยไม่ทำให้เนื้อเยื่อผิวหนังได้รับความบอบช้ำ ทำให้เซลล์ไขมันยังคงมีชีวิต และยังคงเต็มไปด้วยสเต็มเซลล์จึงสามารถนำไปใช้ประโยชน์ นำกลับไปฉีดเติมเต็ม ทดแทนฟิลเลอร์ในส่วนต่างๆของร่างกาย มักนิยมทำในบริเวณเล็กๆ เช่นไขมันใต้ตา หรือดูดไขมันที่ต้นขา เพราะจะนำมาฉีดเติมไขมันใบบริเวณอื่น

การดูแลตัวเองหลังการดูดไขมัน
การดูดไขมันนั้นมีผลถาวรเฉพาะกับไขมันที่ดูดออกไปแล้ว อย่างไรก็ตามก็สามารถมีไขมันเพิ่มมาได้ใหม่ หรือมีน้ำหนักเพิ่มได้อีก หากไม่ดูแลการรับประทานอาหารหรือการออกกำลังกายที่ดี หากต้องการผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ต้องควบคุมการรับประทานอาหารและการออกกำลังกายอย่างเหมาะสมต่อไป หลังจากขั้นตอนการดูดไขมันเสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ศัลยแพทย์อาจให้สวมใส่ชุดบีบกระชับสัดส่วนเป็นเวลาประมาณ 1-2 เดือน เพื่อช่วยในการควบคุมอาการบวมที่เกิดขึ้น และอาจต้องรับประทานยาปฏิชีวนะเพื่อป้องกันการติดเชื้อที่อาจเกิดขึ้นในบางราย อีกอย่างที่ต้องระลึกไว้เสมอก็คือ การดูดไขมันไม่ได้ทำให้น้ำหนักตัวลดลง แต่ช่วยให้สัดส่วนดูดีขึ้น 

สอบถามเพิ่มเติมได้ที่
Facebook: https://www.facecook.com/clinicneo
Instagram: https://www.instagram.com/clinicneobydr.jarasphol/
Website: http://www.clinicneo.co.th/
Tel.: 02-399-3390-1,088-694-9266

Related