ฉีดปากให้หน้าเปลี่ยน จะสายฝอหรือสายเกา ปากเราก็ “อวบอิ่ม ยิ้มสวย”
ฉีดปากให้อวบอิ่มยิ้มสวย
– เทรนด์ความงามตอนนี้ ไม่มีอะไรแรงยิ่งไปกว่า การฉีดเติมปากด้วยฟิลเลอร์ HA เพราะริมฝีปาก เป็น 1 ในจุดศูนย์กลางบนใบหน้า ที่บ่งบอกถึงความมีเสน่ห์ ความเป็นตัวเรา และบ่งบอกอายุผิวได้ ปากที่ดูอวบอิ่ม ยิ้มสวย นอกจากจะง่ายในการทาลิปสติกแล้ว ยังทำให้ดูอ่อนวัย ดึงดูดสายตาทุกคนให้ยั่วยวนน่ามอง เทรนด์ความงามตอนนี้ ไม่มีอะไรแรงยิ่งไปกว่า การฉีดฟิลเลอร์ปาก
เทรนด์การฉีดปากในปัจจุบัน แบ่งได้เป็น
1. . Caucasian Style หรือปากสายฝอ : ดาราต้นแบบของสายนี้ ก็ได้แก่ Kylie Jenner,Kim-Kardashian,Angellina Jolie,Julia Robers,Scarlett Johansan ปากสายฝอ จะเน้นดูเซ็กซี่ น่าจุ๊บ เลือกลิปสติกได้หลากหลาย โดยปากจะดูเต็มๆ เน้นความอวบอิ่ม ทั้งริมฝีปากบนและล่าง ขนาดใกล้เคียงกัน ขอบปากต้องคมชัด ปากบนต้องเชิดขึ้นนิดๆ รูปปากแบบนี้ก็มีตั้งแต่ Full lips ,Heavy lower lip
2. Asian Style หรือปากสายเกา ดาราต้นแบบของสายนี้ ก็ได้แก่ Jeon Ji Hyun,Kim Tae Hee,Yoon Eun Hye ,Lee Ji Eun(IU), Song Hye Kyo ปากสายเกา จะดูอ่อนหวานละมุน ดูเป็นธรรมชาติ น่าทะนุถนอม แลดูอ่อนวัย รูปปากแบบนี้ก็มีตั้งแต่ Heavy lower lip,Bow Shaped lips ,Wide lips
ฉีดฟิลเลอร์ปาก นอกจากจะต้องการจะเปลี่ยน
ลุคตามเทรนด์แล้ว นำมาแก้ปัญหาอะไรได้อีกบ้าง?
1.ลดปัญหาริมฝีปากบางในคนสูงอายุ ซึ่งพบได้ปกติที่ริมฝีปากจะบางลง เมื่ออายุมากขึ้น ทำให้ทาลิปสติกได้ลำบาก ทาแล้วล้นขอบปาก
2.ลดปัญหาปากไม่รูป ขอบปากไม่ชัด ฟิลเลอร์ นอกจากจะฉีดเติมเต็มแล้ว ยังสามารถนำมาฉีดไล่บริเวณขอบปาก เพื่อปรับให้ขอบปากชัด ดูเป็นกระจับทรงสวยได้อีกด้วย
3. ลดปัญหามุมปากตก ทำให้หน้าบึ้งตลอดเวลา ถ่ายรูปไม่สวย การฉีดยกมุมปากด้วยฟิลเลอร์ สามารถแอบยกมุมปากได้ และได้ผลดีถ้าทำควบคู่กับการฉีดโบทอกซ์ยกมุมปาก
ก่อนฉีดฟิลเลอร์ปาก ต้องเตรียมตัวอย่างไร
- พบแพทย์ และปรึกษาแพทย์เพื่อวางแผนการฉีดฟิลเลอร์อย่างเหมาะสม
- งดรับประทานยาที่มีฤทธิ์ต้านการแข็งตัวของเลือด เช่น แอสไพริน รวมทั้งวิตามิน อาหารเสริมต่างๆ เช่น วิตามิน A วิตามิน E หรือน้ำมันตับปลา อย่างน้อย 1 สัปดาห์ เพื่อป้องกันการบวมช้ำหลังฉีด
3.หากมีโรคประจำตัวหรือมียาที่รับประทานเป็นประจำต้องแจ้งแพทย์โดยละเอียด
4.หากมีประวัติแพ้ยาหรือสารอื่นๆ ควรแจ้งให้แพทย์ทราบ
หลังฉีดปาก ฉีดฟิลเลอร์ปากต้องปฏิบัติตัวอย่างไร?[
1.หลังทำ ไม่ควรหรือหลีกเลี่ยงการทาลิปสติกทันที ควรรออย่างน้อย 1 วัน เพื่อให้แผลจากรอยเข็มปิดสนิทก่อน เพื่อป้องกันการติดเชื้่อจากลิปสติก
2.งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เครื่องดื่มร้อนและงดสูบบุหรี่ อย่างน้อย 1 อาทิตย์ เพราะอาจกระตุ้นให้เกิดอาการบวมหรืออักเสบได้ง่าย
3. งดกิจกรรมหรือการออกกำลังกายหนักๆ จนกว่าปากจะหายบวม เพราะอาจทำให้ปากเสียรูปทรงได้
ใครที่ไม่ควรจะฉีดฟิลเลอร์ปาก
1.ผู้ที่เป็นเริมบริเวณริมฝีปากบ่อยๆผู้ที่เป็นเบาหวาน และระดับน้ำตาลสูง
2. ผู้ที่มีปัญหาติดเชื้อในช่องปาก ริมฝีปาก
3. หาโรคแพ้ภูมิตัวเอง โรคเลือด หรือมีภาวะการแข็งตัวของเลือดผิดปกติ
4. ผู้ที่รับประทานยาละลายลิ่มเลือด
ฉีดฟิลเลอร์ปาก อยู่ได้นานแค่ไหน ?
ปกติหลังทำอยู่ได้นาน 8 เดือน – 1 ปี แนะนำให้ปฏิบัติตัวตามที่คุณหมอแนะนำหลังทำ เพื่อนอกจากจะได้ปากสวยแล้ว ยังอยู่ได้นานอีกด้วย
ค่าใช้จ่ายในการฉีดฟิลเลอร์ปาก
ค่าใช้จ่ายในการฉีดฟิลเลอร์ปากนั้นขึ้นอยู่กับชนิดและปริมาณของฟิลเลอร์ ปกติจะใช้ 1-3 CC แล้วแต่รูปปากที่เราต้องการ โดยส่วนใหญ่ฟิลเลอร์ที่ได้มาตรฐานผ่านอย มักจะเริ่มต้นที่ประมาณ 15,000 บาทต่อ CC (อาจจะรวมหรือยังไม่รวมค่าบริการ ค่ามือแพทย์ ) ถ้าราคาต่ำกว่านี้ ให้ระวังอาจจะเจอของปลอมได้
สนใจสอบถามเพิ่มเติมรายละเอียดได้ที่นี่
Facebook: https://www.facebook.com/clinicneo/
Add LINE ปรึกษาได้ที่ Line ID : @cliicneo หรือ ✅Click✅ http://bit.ly/2Jfx2Kh
- Instagram: https://www.instagram.com/clinicneobydr.jarasphol/
Tel.: 02-399-3390-1,088-694-9266
#ความรู้เกี่ยวกับฟิลเลอร์”ข้อควรรู้ก่อนฉีดฟิลเลอร์
: https://is.gd/5v1XkSเคล็ดลับในการฉีดฟิลเลอร์ทีสร้างความต่างอย่างมืออาชีพ
: https://is.gd/Y7cTBiHyaluronic Acid (HA) ฟิลเลอร์ที่ปลอดภัย แต่ต้องเลือกที่ผ่านอย.
: https://is.gd/vRcCebอ่านเพิ่มเติม ✅Click✅:https://www.clinicneo.com/…
บทความเรื่องความงามโดยอาจารย์แพทย์
ClickWebsite:https://www.clinicneo.com/article/