เบาหวาน กับการขาดสาร”อิโนซิทอล” ที่มีความสำคัญต่อระบบประสาทและการกำจัดไขมัน
อิโนซิทอล (Inositol) เป็นสารชนิดหนึ่งในกลุ่มวิตามินบี ที่มีบทบาทสำคัญในระบบประสาทและระบบการกำจัดไขมัน ในภาวะปกติ หรือร่างกายสมบูรณ์ จะสามารถสร้างได้เองจากกลูโคส แต่ในผู้ป่วยเบาหวานซึ่งมีความผิดปกติในการนำน้ำตาลกลูโคสไปใช้ประโยชน์ อาจเกิดภาวะขาดสารตัวนี้ได้
กลไกการทำงานของ อิโนซิทอล (Inositol): เมื่อร่างกายได้รับสารนี้เข้าไป อิโนซิทอล (Inositol)จะถูกเปลี่ยนเป็น Phosphatidyl Inositol ซึ่งมีประโยชน์ในการสร้างเยื่อหุ้มเซลล์ (cell membrane) โดยเฉพาะเยื่อหุ้มระบบประสาท(Myelin Sheath) เซลล์รากผมที่ทำหน้าที่สร้างผม เซลล์ ไขกระดูก ดังนั้นเมื่อขาดสารนี้ ก็อาจทำให้เกิดความผิดปกติของอวัยวะหรือเซลล์นั้นๆ ได้
นอกจากนี้ยังพบว่า อิโนซิทอล (Inositol) ยังเป็นตัวกระจายไขมันที่เกาะอยู่ตามผนังเส้นเลือด และเพิ่มการใช้ไขมันอิสระในเซลล์ จึงช่วยลด ภาวะไขมันในเลือดสูงได้ด้วย
อาการขาดสาร อิโนซิทอล (Inositol) ในผู้ป่วยเบาหวาน
- ผิวหนังอักเสบ แบบ Eczema คือ มีอาการอักเสบบวมแดง คัน หรือ ลอกเป็นขุย
- ท้องผูกได้ง่าย เนื่องจากการทำงานของระบบประสาทที่ควบคุมการเคลื่อนไหวลำไส้ ทำงานผิดปกติ จึงทำให้อาหารไม่เคลื่อนตัวและตกค้างในลำไส้ใหญ่
- อาจเกิดความผิดปกติในดวงตา เช่น ตาบอดกลางคืน ต้อกระจก ต้อหิน และการมองเห็นผิดปกติได้
- เกิดภาวะผมร่วงได้ เพราะสารนี้เกี่ยวข้องกับขบวนการในการสร้างเซลล์เส้นผมให้เจริญเติบโตตามปกติ
- ทำให้ภาวะเส้นเลือดอุดตัน หรือมีการแข็งตัวของผนังเส้นเลือดได้ จากการที่โคเรสเตอรอลเกาะที่ผนังเส้นเลือดในปริมาณที่สูงเกินไป
- เกิดภาวะเสื่อมและอักเสบของปลายประสาท ทำให้มีอาการชา หรือปวดร้อนตามปลายมือปลายเท้าได้
ได้มีผลงานการวิจัยทางการแพทย์ยืนยันว่า การให้ผู้ป่วยเบาหวาน ที่มีอาการดังกล่าวจากการขาดอิโนซิทอล (Inositol) ควรรับประทานสารนี้เสริม ร่วมกับโคลีน จะทำให้ฟื้นฟูอวัยวะที่เกี่ยวข้องได้ดีขึ้น และยังช่วยป้องกันภาวะซึมเศร้า ภาวะวิตกกังวล และป้องกันภาวะมะเร็งได้ ( เนื่องจากเชื่อว่า สารประกอบของ อิโนซิทอล (Inositol) คือ Inositol Hexaphosphate มีส่วนในการกระตุ้นภูมิคุ้มกัน T-cell ) โดยขนาดที่แนะนำคือ รับประทาน อิโนซิทอล (Inositol) วันละ 500-1,000 มก.ต่อวัน โดย แบ่งรับประทานเป็นวันละ 2 ครั้ง ก่อนอาหารเช้าเย็น