ยกกระชับ ปรับรูปหน้า ให้กลับมาดูอ่อนเยาว์ มีได้หลายวิธี แบบไหนได้ผลดี Facelift -Update!

เวชศาสตร์ความงาม

8 กุมภาพันธ์ 2008


วิธียกกระชับ ปรับรูปหน้า

เมื่ออายุมากขึ้น ปัญหาหย่อนคล้อย ริ้วรอย เป็นปัญหากวนใจ ให้รำคาญ การยกกระชับผิวหน้า( Facelift) ก็จัดเป็นวิธีการหนึ่งที่เป็นที่นิยมในการทำให้ผิวหน้าดูอ่อนเยาว์วัย เต่งตึงขึ้นแล้ว ริ้วรอยต่างๆ ลดลงได้อีกด้วย เราแบ่งการยกกระชับผิวหน้า( Facelift) ออกได้เป็น 3 หลักการใหญ่ๆ ดังนี้
1. การยกกระชับผิวหน้าโดยการผ่าตัด(Surgical Facelift) – จัดเป็นการยกกระชับผิวหน้าที่ถือว่าเป็นที่นิยมมานานหลายทศวรรษ เพราะเปรียบเสมือนการยกเครื่อง ครั้งใหญ่ของใบหน้า โดยการกรีดผิวหนังบริเวณหนังศีรษะหรือขมับ แล้วตัดผิวหนังที่หย่อนคล้อยไม่ต้องการออกไป แล้วดึงรั้งผิวหน้าให้เต่งตึงขึ้น แน่นอน! ย่อมเป็นการยกกระชับผิวหน้าที่ได้ผลแน่นอน เห็นผลไว แต่ก็ทำให้ท่านต้องมีบาดแผลหลังผ่าตัด ต้องเจ็บตัว ต้องพักฟื้น และค่าใช้จ่ายก็สูงมาก ต้องอาศัยแพทย์ที่มีความชำนาญ ในการทำศัลยกรรมตกแต่งอย่างมาก ผลที่ได้จึงจะพอใจและมีผลข้างเคียงน้อยที่สุด ที่สำคัญไม่สามารถจะทำได้บ่อยๆ ดังนั้นการทำ การยกกระชับผิวหน้าโดยการผ่าตัด(Surgical Facelift) จึงมักจะเป็นทางเลือกสุดท้าย และมักจะนิยมทำกันในคนที่อายุมากๆ แล้วเท่านั้น ( ปัจจุบันแพทย์มักจะแนะนำให้ทำเมื่ออายุมากกว่า 60-70 ปี )

2. การยกกระชับผิวหน้ากึ่งผ่าตัด(Semi-Surgical Facelift) – จากผลไม่พึงประสงค์ของการยกกระชับผิวหน้าด้วยการผ่าตัด ทำให้ทางการแพทย์ได้มีการพัฒนาการยกกระชับผิวหน้าให้ง่ายขึ้นกว่าเดิม แต่ก็ได้ผลดีพอควร ผลข้างเคียงน้อยกว่าแบบแรก นั่นก็คือ การยกกระชับผิวหน้าด้วยไหมละลาย สอดไปในชั้นหนังแท้ หรือชั้นไขมัน เพื่อยกกระชับหน้า เห็นผลทันทีหลังทำ ใช้เวลาทำไม่นาน ไหมที่ใช้ เป็นไหมละลายได้ โอกาสแพ้น้อยมาก ไม่มีผลปฏิกิริยาต่อผิวหนัง ไหมที่ ผ่านอย. รับรองว่าปลอดภัย ปัจจุบัน มีเพียง 2 ยี่ห้อ เท่านั้น คือไหมอิตาลี ( Definisse ) ผสมผสานกันระหว่างวัสดุ PLLA และ PCL กับไหมเกาหลี ( Mint Thread) ซึ่งเป็นไหม PDO ไหมละลายที่นำมาร้อยกระชับ แบ่งได้เป็น 2 แบบ คือ
– ไหมละลายแบบมีเงี่ยง ซึ่งมีชื่อเรียกกันได้ หลายอย่าง เช่น ไหมกุหลาบ ไหมบาก ฯลฯ มักจะเหมาะกับการหย่อนคล้อยที่ไม่ต้องการจะผ่าตัด ไม่อยากพักฟื้น หลังทำยึดเกาะยกกระชับทันที หลังทำอาจจะต้องพักฟื้น 5-7 วัน มักต้องทำซ้ำทุก 12-18 เดือน
– ไหมละลายแบบไม่มีเงี่ยง ปัจจุบัน ที่ผ่าน อย. มีเฉพาะไหม Mint Mono ไหมแบบนี้ นิยมนำมาร้อยเสริมแบบมีเงี่ยง ให้เก็บรายละเอียด หรือใช้เพื่อกระตุ้นคอลลาเจน ซึ่งจะ ละลายไปภายใน 6-8 เดือน ไม่เหลือตกค้างให้เกิดผลข้างเคียงภายหลัง

3. การยกกระชับผิวหน้าแบบไม่ต้องผ่าตัด(Non-Surgical Facelift) -จัดเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของการยกกระชับผิวหน้า ที่ถือว่าเจ็บตัวน้อยสุด ผลข้างเคียงน้อยสุด แต่ก็ได้ผลดีพอสมควร ซึ่งปัจจุบันมีหลากหลายวิธีในการยกกระชับผิวหน้า ซึ่งหลายท่านอาจจะเคยมีประสบการณ์กันมาแล้ว ซึ่งจะไล่เรียงดังนี้
3.1 การนวดหน้า ( Facial Massage) : จัดเป็นการยกกระชับผิวหน้าแบบอนุรักษ์นิยม คือมีมาแต่โบราณกาล เห็นได้บ่อยในร้านเสริมสวย สปา คลินิกความงามทั้งหลาย โดยการใช้มือคนเราในการนวดผิวหน้า อาจจะใช้ครีมหรือตัวยา สมุนไพรต่างๆ ร่วมด้วย การกดจุด จัดเป็นการยกกระชับผิวหน้าแบบอ่อนๆ ที่ได้ผลน้อยที่สุด ราคาถูก เหมาะกับผิว ที่ไม่ได้หย่อนคล้อยมากนัก (อายุน้อยกว่า 30 ปี) และก็ต้องทำต่อเนื่องไปเรื่อยๆ หยุดทำเมื่อไหร่ ผิวหน้าก็คืนสภาพกลับมาเหมือนเดิม
3.2 การยกกระชับผิวหน้าด้วยเลเซอร์ หรือ คลื่นแสง(IPL): ก็จัดเป็นการยกกระชับผิวหน้าชั้นตื้น โดยใช้พลังงานเลเซอร์ หรือคลื่นแสง IPL ไปกระตุ้นชั้นหนังแท้ให้มีการสร้างคอลลาเจนขึ้นมา จึงทำให้ผิวหน้าเต่งตึงกระชับ ได้ผลเร็วและพอควร ไม่เจ็บตัวมากนัก ไม่มีผลข้างเคียงใด แต่ก็ต้องทำหลายครั้ง และก็ได้ผลกับผิวที่ไม่ได้หย่อนคล้อยมากนักเช่นกัน (อายุน้อยกว่า 40 ปี)

3.3  การยกกระชับผิวหน้าด้วยการฉีด Botox : มีการค้นพบว่า คุณสมบัติของสาร Botulinum toxin tyoe A ถ้าฉีดตื้นไปในชั้นหนังแท้ จะทำให้กล้ามเนื้อเรียบหรือคอลลาเจนหดตัว เกิดการกระชับขึ้นในชั้นผิว แทนที่จะทำให้กล้ามเนื้อคลายตัวเหมือนการลึก ในการลดกรามหรือริ้วรอย เทคนิคนี้ เรียกว่า Dermalift มักจะนิยมนำมาฉีดยกกระชับ กรอบหน้า ขอบคางให้คมชัด ได้ผลทันทีหลังฉีด เหมาะกับผิวที่ไม่หย่อนคล้อยมากนัก
3.4  การยกกระชับผิวหน้าด้วยการฉีด Fillers : จะพบว่าเมื่ออายุมากขึ้น จะมีการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนคือจะมีการสูญเสีย คอลลาเจน มวลกล้ามเนื้อ หรือแม้แต่มวลกระดูก แล้วทำให้เกิดการหย่อนคล้อยขึ้น ดังนั้นถ้าเราสามารถที่จะเติมส่วนที่หายไป (Volumn loss) หน้าจะกระชับขึ้นได้ ผิวหน้าเต่งตึง และดูเป็นธรรมชาติ  แต่ก็อยู่ได้ประมาณ 8-12 เดือน ก็อาจจะต้องเติมซ้ำ (Touch up)

3.5 การยกกระชับผิวหน้าด้วยคลื่นวิทยุ (Radiofrequency: RF): เป็นการใช้คลื่นวิทยุความถี่สูงเป็นตัวควบคุมปริมาณของพลังงาน มีทั้งแบบยิงตื้นแค่ชั้นหนังแท้ (Bipolar RF) เช่น เครื่อง RF ทั่วๆ ไป และแบบยิงลงลึก (Monopolar RF) เช่น Thermage, Exillis Elite ฯลฯ ที่ลงลึก ถึงชั้นไขมัน เกิดความร้อน สร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวที่แข็งแรง กระชับ นุ่มนวล และดูอ่อนกว่าวัย และอยู่ได้นานมากกว่า10-12 เดือน
3.5 การยกกระชับผิวหน้าด้วยคลื่นเสียง : โดยใช้คลื่นเสียง ( Focused Ultrasound ) ยิงลงไปในชั้นไขมัน เช่น HIFU หรือยิงลงลึก ถึงชั้น SMAS เช่น Ulthera เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ด้วยความร้อนเฉพาะจุด โดยพบว่า Ulthera จะแตกต่างจาก HIFU ตรงทีลงลึกกว่ามาก และแพทย์สามารถเห็นสภาพผิวหนังที่กำลังรักษาผ่านหน้าจอเครื่องตลอดเวลา ผ่านหน้าจอของเครื่อง ( SEE and TREAT ) ทำให้การรักษาที่แม่นยำกว่าการยิง HIFU อยู่ได้นาน 3-18 เดือน แล้วแต่ชนิดหรือยี่ห้อของเครื่อง Ulthera คือ Gold Standard Treatment สำหรับการยกกระชับผิวหน้าที่ลงลึกสุดและถือว่า Ulthera คือเครื่องมือชนิดเดียวที่ US-FDA ให้การรับรองผลว่าได้ผลจริง


โบทอกวซ์ลิฟท์กรอบหน้า
Ulthera ยกกระชับทั่วหน้า
ฟิลเลอร์ยกกระชับร่องแก้ม

Related