Collagen : คอลลาเจน แบบไหนให้ประโยชน์ และได้ผล ช่วยลดริ้วรอย ชะลอวัย ให้ดูอ่อนเยาว์
collagen เป็นโปรตีนชนิดหนึ่ง คือ scleroprotein ที่เป็นองค์ประกอบที่สำคัญของเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน( connective tissue) โดยจะอยู่ในรูปของ fiber ที่ประกอบด้วย peptide chain( สายไขมัน) 3 สายที่เรียกว่า triple helix
คอลลาเจนสร้างโดย fibroblast ผลิตสารสำคัญ 3 ชนิดคือ
1.คอลลาเจน (Collagen) ช่วยให้ผิวตึง กระชับ
2.อิลาสติน (Elastin) ช่วยให้ผิวมีความยืดหยุ่น
3.กรดไฮยาลูโรนิค (Hyaluronic Acid) ช่วยทำให้ผิวชุ่มชื้น
โดยรวมแล้วในชั้นผิวหนังแท้จะมีคอลลาเจนเป็นส่วนประกอบมากที่สุดถึง 75% เลยทีเดียว มีคุณสมบัติทำให้ผิวหนังมีความยืดหยุ่นได้ แต่เมื่อเวลาผ่านไป ประสิทธิภาพความยืดหยุ่นของคอลลเจนจะเสียไป โดย พบว่าคอลลาเจนจะเหนียวมากขึ้นและอุ้มน้ำได้น้อยลง ดังนั้นจึงทำให้ผิวหน้าแห้งได้ง่าย
จึงเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดการหย่อนยานของผิวหนัง และริ้วรอย ทำให้มีการหาหนทางแก้ไขและหาสารที่มีผลในการสร้างคอลลาเจน
แหล่งของคอลลาเจน
1. โปรตีนจากเนื้อสัตว์ ปลา หรือผลิตภัณฑ์จากนมทั้งหลายที่รับประทานเข้าไปถูกย่อยสลายจนแตกตัว และก่อตัวขึ้นใหม่เป็นโปรตีนในลักษณะอื่น ๆ เช่น โปรตีนที่ช่วยในกระบวนการรักษาแผล ซ่อมแซมกล้ามเนื้อ หรือคอลลาเจนนั่นเอง
2. ร่างกายจะมีการผลิตคอลลาเจนได้เอง แต่จะน้อยลงตามอายุที่เพิ่มมากขึ้น คนเราจะค่อย ๆ สูญเสียคอลลาเจนไปประมาณ ปีละ 1.5 เปอร์เซ็นต์ ส่งผลให้การเชื่อมต่อของเนื้อเยื่อในส่วนต่าง ๆ ของร่างกายอ่อนแอลง เป็นสาเหตุให้ผิวหนังเหี่ยวย่น มีริ้วรอย ขาดความยืดหยุ่น และบริเวณข้อต่อเริ่มไม่แข็งแรงตามไปด้วย
การเพิ่มคอลลาเจน ทำได้กี่แบบ อะไรบ้าง ได้ผลแค่ไหน
1. คอลลาเจนแบบครีมบำรุงผิว : กลุ่มนี้ พบว่าให้ผลไม่แตกต่างกับ มอยซ์เจอร์ไรเซอร์ชนิดอื่น ๆ คือ ลดอัตราการสูญเสียน้ำของผิวหนัง ทำให้ผิวหนังอ่อนนุ่มขึ้นเท่านั้น ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นมอยเจอร์ไรเซอร์ที่มีคอลลาเจนหรือไม่มีคอลลาเจนต่างก็ไม่มีคุณสมบัติในการซึมผ่านและถูกดูดซึมไปสู่ผิวหนังชั้นลึก ครีมบำรุงผิวใด ๆ จึงไม่มีประสิทธิภาพลดการสูญเสียคอลลาเจนหรือลบเลือนริ้วรอยได้
2. คอลลาเจนแบบรับประทานบำรุงผิว : อาหารเสริมคอลลาเจนที่วางขายออนไลน์ ขณะนี้ ช่วยลดการเสื่อมของผิวหนังได้มั้ย งานวิจัยในปี 2014 พบว่าได้ผลเพียง 15 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น แต่ต้องรับประทานคอลลาเจนดังกล่าวนานกว่า 60 วัน
3. คอลลาเจนแบบฉีด : ที่เรียกว่าการฉีดแบบ Filler แทนคอลลาเจนส่วนที่สูญเสียไปของผิว ซึ่งสกัดจาก วัว
( Bovine collagen) แต่ พบว่ามีอัตราการแพ้สูง เพราะสกัดจากสัตว์ อย. ของไทยปัจจุบัน ไม่อนุญาตให้ใช้ฟิลเลอร์คอลลาเจนได้อย่างถูกกฎหมาย และปัจจุบัน ก็ไม่มีจำหน่ายแล้ว จึงมาใช้ฟิลเลอร์ ที่เป็น กรดไฮยาลูโรนิก แทน เพราะผ่าน อย.และปลอดภัยกว่า
จากที่กล่าวมา จะเห็นได้ว่า การเพิ่มคอลลาเจน ให้ผิว ไม่ว่าวิธีใด ได้ผลน้อยมาก ปัจจุบันแพทย์จะเปลี่ยนมาใช้การฉีดฟิลเลอร์ชนิดไฮยา ทีผ่าน อย.ทดแทน คอลลาเจนที่สูญเสียไป เพราะได้ผลขัวร์ และอยู่ได้นานกว่า
ขอเตือน ว่าอย่าได้ตกเป็นเหยื่อของสื่อออนไลน์ต่างๆ ที่กล้าวอ้างสรรพคุณสินค้า ว่าทดแทนหรือเพิ่มคอลลาเจนได้ นอกจากจะเสียเงิน เสียเวลาแล้ว ยังเสียรู้ ด้วย