แก้โหงวเฮ้ง คางสั้น คางเบี้ยว คางตัด คางบุ๋ม ไม่สวยได้รูป ทำอย่างไร
คางสั้น หรือไม่ ดูอย่างไร
หลายคนบอกว่าหน้าบาน คางสั้น ถ้าเสริมคางจะทำให้หน้าหายบานมั้ย ขอตอบว่าก่อนจะเสริมคาง ต้องดูก่อนว่า โครงหน้าเราเป็นอย่างไร
การที่คนเรา จะมีโครงหน้าที่สวยงาม ได้สัดส่วน จะต้องมีความสมดุลกันตั้งแต่หน้าผาก จมูกและคางโดยต้องมีสัดส่วนที่ใกล้เคียงกัน ซึ่งแพทย์จะตรวจสภาพโครงหน้าคนไข้ ที่เรียกว่า Gloden Ratio โดยจะทำการแบ่งพื้นที่บนโครงหน้าอย่างง่ายๆ เป็น 3 ส่วน
– ส่วนที่ 1 เริ่มจากหน้าผาก ถึงกึ่งกลางตา เป็นส่วนที่ 1
– ส่วนที่ 2 เริ่ม จากกึ่งกลางดวงตาถึงขอบปีกจมูก
– ส่วนที่ 3 เริ่มจากขอบปีกจมูกด้านล่างถึงขอบคาง
ซึ่งทั้งสามส่วนนี้จะต้องมีความยาวใกล้เคียงกัน คือ 1:1:1 หากมีอย่างใดอย่างหนึ่งที่น้อยเกินไปจะทำให้ขาดความสมดุล โดยถ้าส่วนที่ 3 ส้้นกว่าส่วนอื่น แบบนี้เรียกว่า คางสั้น
ถ้าเสริมคาง แล้วส่วนที่ 3 มากกว่า 33% ถือว่าคางยาวไป เหมือนแม่มด นอกจากนี้
นอกจากนี้ ปลายคางถ้ามองด้านข้าง เส้น E-Plan ควรลากจากปลายจมูก มาที่ริมฝีผากและเนื้อคาง ได้รูปเป็นเส้นตรง ถ้ามากไปจะดูคางยื่น ถ้าน้อยไปจะดูคางหุบสั้น
ถ้ากรณีที่พบว่าคางสั้นเกินไป ไม่ได้สัดส่วน สามารถทำให้คางสวยได้รูปขึ้นได้
การแก้ไข
1. ผ่าตัดเสริมซิลิโคลน คนนิยม เพราะเจ็บตัวครั้งเดียว อยู่ได้นานตลอดไป แต่ก็เสี่ยงต่อการเบี้ยวเอียง
2. ฉีดเสริมคางด้วยฟิลเลอร์ สำหรับคนไม่ชอบศัลยกรรม แถมการฉีดสามารถปั้นได้ตามที่ต้องการ ยิ่งถ้าฟิลเลอร์ที่ใช้เป็นสาร hyaluronic acid (HA) ไม่พอใจก็สามารถฉีดสลายออกไปได้ เห็นผลทันที ไม่ต้องผ่าตัดเอาออกเหมือนการทำศํลยกรรม
แต่ไม่ว่าจะเสริมด้วยวิธีไหน ต้องให้สัดส่วนของคาง ไม่มากเกินไป ไม่น้อยเกินไป ทั้งสามส่วนนี้จะต้องมีความยาวใกล้เคียงกัน คือ 1:1:1
คางเบี้ยว คางตัด
คางเบี้ยว คางตัด : อันนี้ดูไม่ยาก ถ้าถ่ายรูปหน้าตรงแล้วสัดส่วนคางซ้ายขวา ไม่เท่ากัน หรือขอบคางไม่มนได้รูป ตัดเป็นคางเหลี่ยม อย่างนี้ก็ดูไม่ยาก ว่าคางตัด
การแก้ไข : ส่วนใหญ่ถ้าสัดส่วนคางยาวได้สัดส่วนแล้ว คือ Golden ratio ได้ สัดส่วน 1:1:1 แล้วแต่คางสองข้าง ซ้ายขวาไม่เท่ากัน มักจะใช้การเติมฟิลเลอร์ จะตอบโจทย์ได้ดีกว่าการทำศํลยกรรม
คางบุ๋ม คางไม่เรียบ
คางบุ๋ม ( cobblestone chin หรือ dimple chin) จะพบว่าคาง มีลักษณะเป็นร่องตรงกลางระหว่างคางทั้งสองข้าง หรือคางมีผิวเป็นคลื่น หรือเป็นก้อน ขรุขระ ไม่เรียบ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เวลาที่แสดงสีหน้าที่ใช้กล้ามเนื้อบริเวณคางร่วมกับริมฝีปากล่าง จะทำให้เห็นรอยบุ๋ม หรือ คลื่นที่คางชัดมากขึ้น
เกิดจากการหดเกร็งของกล้ามเนื้อ Mentalis บริเวณคาง ทำให้กล้ามเนื้อแข็งตัวและหดเกร็งมากขึ้้น จนเกิดเป็นก้อนแข็ง 2 ข้างบริเวณคาง หรือในบางกรณี จะให้ผิวด้านบนของกล้ามเนื้อ Mentalis ย่นเป็นคลื่น ไม่เรียบเนียน จะเห็นชัดเจนมากขึ้นเมื่อมีการแสดงสีหน้าจากการใช้กล้ามเนื้อ
การแก้ไข : ไม่อยาก ง่ายมาก แค่ฉีดโบท็อกซ์ เพื่อคลายการหดเกร็งของกล้ามเนื้อ เมื่อกล้ามเนื้อคลายตัวลง ก็จะทำให้แก้ไขปัญหาคางเป็นคลื่น ทำให้ผิวที่คางเรียบเนียนขึ้น ร่องบริเวณคางบุ๋มลดลง เห็นผลหลังทำใน 1 อาทิตย์ และจะอยู่ได้ระยะเวลา 4-6 เดือน
แต่ต้องระวังเพราะถ้าแพทย์ที่ฉีดไม่ชำนาญ อาจจะทำให้ยิ้มแล้วริมฝีปากล่างเบี้ยวได้ เพราะอาจจะฉีดไปโดนกล้ามเนื้อ depressor labii inferioris ที่อยู่ใกล้เคียงได้