โบท็อกซ์คืออะไร ค้นพบได้อย่างไร ออกฤทธิ์ยังไง เลือกฉีดยี่ห้อไหนดี การดูแลก่อนและหลังฉีด ผลข้างเคียงที่พบได้
ความเป็นมาของโบทอกซ์
– โบทอกซ์ คือชื่อทางการค้าของสาร Botulinum toxin type A สกัดจากแบคทีเรีย Clostridium Botulinum Botulinum toxin ถูกค้นพบครั้งแรก ในยุคสมัยของสงครามนโปเลียน ตั้งแต่ ค.ศ. 1795- 1813 เนื่องจากการค้นพบความสัมพันธ์ระหว่างไขมัน ไส้กรอก และอาการป่วยเป็นอัมพาต โดย Justinus Kerner นักสาธารณสุขอายุ 29 ปี ผลจากการสังเกตครั้งนั้นนับเป็นหลักฐานสำคัญทางด้านระบาดวิทยาของโรค Botulism ซึ่งมีรากศัพท์มาจากภาษาละตินคือ botulus แปลว่าไส้กรอก
– ปี 1960 ก็มีการใช้ botulinum toxin กับมนุษย์เป็นครั้งแรก ในการรักษาอาการตาเหล่ (strabismus)และตาปิดเกร็ง (การกะพริบตาที่ไม่สามารถควบคุมได้: blepharospasm) ในปี 1989 บริษัทผู้ผลิต botulinum toxin: Allergan, Inc. (ภายใต้ชื่อ Botox) ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาของสหรัฐฯ (U.S. FDA) เพื่อผลิต botulinum toxin สำหรับรักษาอาการตาเหล่ ตาปิดเกร็งและอาการเกร็งครึ่งใบหน้าสำหรับผู้ป่วยที่มีอายุเกิน 12 ปี
– ปี 1993 ได้มีการใช้ botulinum toxin ในการรักษาอาการหดเกร็งของหูรูดปลายล่างของหลอดอาหาร (achalasia: a spasm of the lower esophageal sphincter)
– ปี 1994 Bushara และ Park ก็พบว่า botulinum toxin มีความสามารถในการยับยั้งการหลั่งของเหงื่อได้
โบทอกซ์กับความงาม
– ปี ค.ศ. 1987 Dr. Jean Carruthers ได้พบว่าเมื่อใช้สาร Botulinum toxin type A ในการรักษาอาการตากระตุก ให้หายแล้ว ยังทำให้รอยย่นจากการขมวดคิ้วจางลง จึงได้ตีพิมพ์รายงานครั้งแรกในปี ค.ศ. 1992 จากผลการตีพิมพ์ดังกล่าว ทำให้แพทย์ได้เริ่มต้นฉีดโบทอกซ์กับวงการความงาม มากขึ้นเรื่อยๆ และได้เริ่มนำเข้ามาเผยแพร่ไปทั่วโลก
-ปีค.ศ 1999-2000 ประเทศไทยเริ่มมีการนำ Botulinum toxin type A มาฉีดลดริ้วรอยเหี่ยวย่น ตีนกา ก่อนเป็นอันดับแรก ซึ่งผู้เขียนก็เป็น 1 ในทีมแพทย์ไม่กี่คน ที่ถือได้ว่าเป็นแพทย์ไทยกลุ่มแรก ที่ได้การฉีดสารโบทอกซ์ในเมืองไทย
ปัจจุบันนี้ โบทอกซ์ ได้พัฒนาให้ฉีดได้หลายบริเวณ หลายวัตถุประสงค์ มากขึ้น ลองอ่านบทความนี้
Advanced technique for Botox Injection
โบท็อกซ์ออกฤทธิ์อย่างไร ยี่ห้อไหนดีสุด
กลไกการออกฤทธิ์ของสารโบท็อกซ์
– ฉีดชั้นกล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้อคลายตัว โดยจะไปยับยั้ง สารคัดหลั่ง Acetylcholine (Ach) ซึ่งสื่อสารระหว่างเซลประสาทและกล้ามเนื้อ ให้ทำงาน เคลื่อนไหว หรือ หดตัว เมื่อฉีด Botox จะทำให้ยับยั้ง การรับรู้ของกล้ามเนื้อ จึงไม่เกิดการหดตัว เกร็ง
– ฉีดชั้นผิวหนัง ทำให้กล้ามเนื้อเรียบ หรือคอลลาเจนหดตัว กระชับขึ้น
ยี่ห้อโบท็อกซ์ที่นิยมใช้ในประเทศไทย : ได้แก่ Botox Allergen (อเมริกา),Dysport(อังกฤษ) ,Xeomin (เยอรมัน),Botulax (เกาหลี), Nabuta (เกาหลี),Hugel (เกาหลี)
ถ้าจะถามว่าโบท็อกซ์ (Botox) ยี่ห้อไหนดีสุด : คำตอบนี้ขึ้นอยู่กับวัตุถุประสงค์ในการใช้ โดยไม่เกี่ยวกับงบประมาณ ดังนี้
- ออกฤทธิ์นานสุด : Allergen (อเมริกา )
- ลดกราม กล้ามเนื้อมัดใหญ๋ ดีสุด : Allergen (อเมริกา )
- ยกกระชับ ดีสุด : Dysport(อังกฤษ)
- ฉีดแล้วดูเป็นธรรมชาติสุด : Dysport(อังกฤษ)
- ดือยาน้อยสุด : Xeomin ( เยอรมัน)
- ปลอมมากสุด : ทุกยี่ห้อ
ทั้งนี้ทั้งนั้นผู้บริการต้องเลือกใช้คลินิกที่มีคุณภาพ ใช้ของแท้ ไม่ใช้ของปลอม เนื่องจากมีคนหิ้วขายอยู่เต็มไปหมด และที่สำคัญต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ หากไม่มีความชำนาญแล้วบังเอิญฉีดไม่ตรงจุด แล้วผลที่ได้ราคาที่จ่ายไปก็อาจจะไม่คุ้มกับผลลัพธ์ที่ได้
การดูแล ก่อน-หลังฉีด และผลข้างเคียง
การปฏิบัติตน ก่อนและหลังฉีดสารโบท็อกซ์
– งดดื่มเหล้า เข้าซาวน่า 4 ชั่วโมง หรือรับประทานยาแก้ปวดจำพวกแอสไพริน หรือยากลุ่มNsaid ยาลดเกร็ดเลือดก่อน อย่างน้อย 2 สัปดาห์ เพื่อป้องกันการเขียวช้ำจากรอยเข็ม
– การประคบด้วยความเย็น ตรงตำแหน่งที่ฉีด ก่อนและหลังการฉีด เพื่อลดอาการปวดหรือรอยช้ำจ้ำเลือด
– ไม่ใช้ร่วมกับการกินยาปฏิชีวนะ กลุ่ม Aminoglycoside เช่น Kanamycin Amikacin ฯลฯ
– ห้ามนวดคลึงบริเวณที่ฉีด 4 ชั่วโมง พราะจะมีผลต่อกล้ามเนื้อที่ฉีดทำให้โบทอกซ์กระจาย
– ควรเลี่ยงการทำทรีทเม้นต์หลังฉีด 2 อาทิตย์
– หลีกเลี่ยงการฉีดในสตรีมีครรภ์
ผลแทรกซ้อนที่อาจพบได้
– รอยช้ำจ้ำเลือด พบได้บ่อย โดยเฉพาะบริเวณหางตา
– บวมบริเวณที่ฉีด
– ปวดบริเวณที่ฉีด
– หนังตาตก และมักหายภายใน 2 สัปดาห์
– การแสดงสีหน้า อาจไม่เป็นธรรมชาติ โดยเฉพาะเวลาโกรธ หัวเราะ ยิ้ม หรือร้องไห้ มักหายได้เองใน 4 สัปดาห์
– อาจเกิดการดื้อยาได้ กรณ๊ที่ใช้โบทอกซ์ที่ไม่ได้มาตรฐาน ไม่ผ่าน อย.
– ยังไม่พบการแพ้ยาที่รุนแรง และเป็นผลเสียต่ออวัยวะภายในร่างกาย
อย่างไรก็ตาม ผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นดังกล่าว สามารถเลี่ยงหรือทำให้เกิดได้น้อยที่สุดได้ ถ้าแพทย์ที่ทำมีความชำนาญในการฉีดและมีประสบการณ์ในการทำมามากพอสมควร ดังนั้นการเลือกแพทย์ที่ผ่านการฝึกฝนอบรมมาเป็นอย่างดี ย่อมทำให้การรักษาได้ผล และไม่มีผลข้างเคียง