Biotin: ไบโอติน วิตามินสำคัญ เพื่อการดูแลสุขภาพเส้นผมและเล็บ ให้แข็งแรง
โบโอตินคืออะไร
Biotin คือ วิตามินชนิดหนึ่งที่ละลายน้ำได้ รู้จักกันในชื่ออื่น ๆ คือวิตามินเอช (Vitamin H) หรือวิตามินบี 7 (Vitamin B7) มักจะพบในสารอาหารที่อยู่ในตระกูลวิตามินบี และมีอยู่ในอาหารหลายชนิด เช่น ไข่แดง ตับ บรูเวอร์ยีสต์ ข้าวกล้อง ถั่วชนิดต่างๆ
ร่างกายต้องการไบโอตินเพื่อช่วยในการทำงานของระบบต่าง ๆ ดังนี้
1. ไบโอติน เป็นองค์ประกอบที่สำคัญในขบวนการสร้างและเผาผลาญไขมัน คาร์โบไฮเดรต และโปรตีน รวมไปถึงการสร้างสาร Pyrimidine ซึ่งเป็นองค์ประกอบที่สำคัญของ DNA,RNA ซึ่งเกี่ยวกับสายยีน และพันธุกรรม
2. ชะลอการเกิดผมหงอก และลดผมร่วง ทำให้เส้นผมแข็งแรง ไม่แตกเปราะง่าย จึงใช้รักษาปัญหาเส้นผมแตกปลาย หรือผมร่วง ผมขาดการบำรุง ดังนั้นจึงถือเป็นวิตามินตัวหนึ่ง ในหลายๆ ตัว ที่ใช้เป็นส่วนประกอบของวิตามินสำหรับเส้นผม และหนังศรีษะ
3.การรักษาปัญหาเล็บ เปราะ หักง่าย โดยได้มีการทดลองสนับสนุน โดย Lisa G.Hochman และคณะ ซึ่งเป็นแพทย์ประจำมหาวิทยาลัยแพทย์ เพนซิลวาเนีย สหรัฐอเมริกา ได้ทำการทดลองให้คนไข้ที่มีปัญหาเล็บเปราะ หักง่าย ( Brittle nail) จำนวน 22 ราย พบว่าได้ผลดี ทำให้เล็บหนาขึ้น และแข็งแรงขึ้น ถึง 63 %
4. การเผาผลาญไขมัน และปรับสมดุลของการไขมัน ทั้งในแง่การรับประทานเข้าไป หรือเผาผลาญให้เป็นพลังงาน จึงพบว่า บางคนจะนำ ไบโดติน บรรจุอยู่ในยา เพื่อใช้ในโปรแกรมลดน้ำหนัก นอกจากนี้ในบางคนยังใช้ในคนไข้เบาหวาน เพื่อลดน้ำตาลในเลือดด้วย
ปกติร่างกายของเราจะได้รับสาร ไบโอติน ในปริมาณที่ไม่เพียงพอ แต่โชคดีที่ภายในร่างกายมี แบคทีเรียที่ชื่อ Lactobacillin ในลำไส้ ที่สามารถผลิตสารไบโอตินได้ แต่ถ้าผู้ที่ชอบรับประทานไข่ดิบ ซึ่งจะไปรวมตัวกับสารไบโอตินที่แบคทีเรียผลิตออกมา หรือรับประทาน ยาแก้อักเสบกลุ่มยาปฏิชีวนะนานๆ อาจทำลายแบคทีเรีย ทำให้สารไบโอตินที่ร่างกายผลิตออกมาไม่เพียงพอ จึงต้องรับประทานยา หรือวิตามินที่มีไบโอตินผสมอยู่ทดแทน โดยขนาดที่รับประทาน ถ้าเพื่อป้องกันการขาด Biotin หรือดูแลสุขภาพเส้นผมและเล็บโดยทั่วไป ประมาณ 600 ไมโครกรัมต่อวัน และในขนาดที่ใช้รักษาปัญหาเส้นผมแตกปลาย ผมร่วง เล็บเปราะ หักง่าย แนะนำให้รับประทาน1,000-2,500 ไมโครกรัมต่อวัน บางผลงานวิจัย ได้มีการนำ Biotin มารักษาปัญหาโรคผื่นอักเสบ ในภาวะเซ็บเดิร์ม ( Seborrheic dermatits ) ได้ด้วย Biotin เป็นวิตามินที่ละลายได้ในน้ำ จึงไม่สะสมภายในร่างกาย ไม่พบผลข้างเคียงใดๆ จึงมีความปลอดภัยในการรับประทานอย่างต่อเนื่อง