งานวิจัย : รักษาสิวอักเสบ ด้วยยารับประทาน หรือยาทาสิว อันไหนได้ผลดีกว่ากัน
ครีมทาสิว VS ยารับประทาน
– มีงานวิจัยที่ประเทศอังกฤษ เกี่ยวกับการใช้ยาปฎิชีวนะ-Antibiotics เปรียบเทียบกับการใช้ยาทา ในการรักษาสิวที่ใบหน้า ว่าได้ผลแตกต่างกันอย่างไร
– อาสาสมัครเข้าร่วมโครงการจำนวน 649 คน โดยมีอายุเฉลี่ย 20 ปี โดยเป็นเพศชายและหญิงจำนวนเท่าๆ กัน และมีปัญหาสิวขนาดปานกลาง โดยแบ่งการทำการวิจัยผลการฆ่าเชื้อแบคทีเรียได้ผลมากน้อยเท่าใดโดยขั้นตอนต่างๆ ดังต่อไปนี้
วิธีการทดลอง ได้ทำการแบ่งกลุ่มใหญ่ๆ ในผู้ทดลองออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่รับประทานยาปฎิชีวนะ-Antibiotics จำพวก Minocycline,Oxytetracycline และกลุ่ม ที่ใช้ครีมทา และ/หรือโลชั่นทารักษาสิวอย่างเดียว ( ได้แก่กลุ่มที่ใช้ 5% Benzoyl peroxide และ 3% Erythromycin Lotion
ผลการทดลอง ใช้เวลาทดลองและติดตามผลการทั้งหมด 18 อาทิตย์ พบว่า
1. ในระยะ 6 อาทิตย์แรก ผลการรักษาทั้ง 2 กลุ่มได้ผลดีพอๆ กัน
2. ในระยะ 12 อาทิตย์หลัง พบว่า ผลการรักษาสิวในกลุ่มใช้ครีมทาหรือโลชั่นทารักษาสิวอย่างเดียว ( ได้แก่กลุ่มที่ใช้ 5% Benzoyl peroxide และ 3% Erythromycin Lotion ) ได้ผลดีขึ้นโดยเฉลี่ยที่ 66 % แต่กลุ่มที่รับประทานยาปฎิชีวนะ-Antibiotics จำพวก Minocycline,Oxytetracycline ได้ผลดีขึ้น โดยเฉลี่ยที่ 54 % ซึ่งค่อนข้างแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ
สรุปผลงานวิจัย การใช้ครีมทาและ/หรือโลชั่นทารักษาสิวอักเสบ ได้ผลมากกว่ามากกว่าการรับประทานยาปฎิชีวนะ-Antibiotics และราคาก็ถูกกว่าด้วยป เหตุลที่กลุ่มที่รับประทานยาปฎิชีวนะ ได้ผลลดลง อาจจะเกิดการดื้อยาของเชื้อสิว เพราะรับประทานยาติดต่อกันเป็นระยะเวลานานๆ เกิรไป ส่วนการพิจารณาใช้ควบคู่กันหรือไม่ ควรพิจารณาปัญหาคนไข้เป็นรายๆ ไป