พริก (Chilli) : อาหารสมุนไพร ใช้ปรุงอาหาร กับสรรพคุณทางยามากมาย ที่นำมาใช้ในการรักษาโรค

สุขภาพ-งานวิจัย

27 มิถุนายน 2005


พริก เป็นอาหารสมุนไพรที่ใช้กับทุกครัวเรือน ที่เรานิยมนำมาปรุงอาหาร และพบได้บ่อย เช่น พริกขี้หนู พริกชี้ฟ้า และพริกหยวก ท่านทราบหรือไม่ว่าพริกนั้นมีคุณค่าทางอาหารและคุณค่าทางยาที่วิเศษชนิดหนึ่ง เพราะในไส้พริกจะมีสาร Capsaicin ซึ่งเป็นสารที่มีรสเผ็ด และสาร Carotenoid วิตามินเอ วิตามินซี ไขมัน และโปรตีน

สรรพคุณทางยาของพริก มีดังนี้ 

  1. พริกช่วยขับเสมหะ ทำให้ทางเดินหายใจโล่ง โดยสาร Capsaicin จะช่วยลดความไวของปอดต่อการเกิดอาการต่างๆ เช่น การบวมของเซลล์หลอดลม ลดการหดเกร็งของกล้ามเนื้อบริเวณหลอดลม ดังนั้นในผู้ป่วยหอบหืดจึงมีประโยชน์ เพราะจะ สังเกตว่า เมื่อเรารับประทานพริกเผ็ดๆ น้ำตา น้ำมูกจะไหล จึงทำให้เสมหะเหนียวข้น เจือจางลง และทำให้ขับเสมหะออกมาได้ง่าย
  2. พริกช่วยสลายลิ่มเลือด ลดการเกิดการอุดตันของเส้นเลือด อันเป็นสาเหตุของเส้นเลือดหัวใจตีบได้ โดยได้มีรายงานวิจัย จากคณะแพทย์ ศีริราช ( นพ.สุคนธ์ วิสุทธิพันธ์และคณะ) ยืนยันว่า คนที่ได้รับพริกจะมีการทำงานของร่างกายเพื่อสลายลิ่มเลือดได้ดีและไวกว่าคนที่ไม่ได้รับพริก นอกจากนี้ยังมีรายงานของนักวิทยาศาสตร์ชาวอินเดีย พบว่าคนเอเซียที่รับประทานพริกเป็นประจำ มีโอกาสเกิดปัญหาการอุดตันของเส้นเลือด และ มีปริมาณ Fibrinogen ในเลือดต่ำกว่าคนทางยุโรปที่ไม่ค่อยได้ทานพริก
  3. พริกช่วยลดอาการปวด โดยพบว่าสาร Capsaicinจะออกฤทธิ์ที่เซลล์ประสาท โดยไปชะลอการหลั่งของสารสื่อประสาท ( Neurotransmitter) ที่ปลายประสาท Substance P ที่เกี่ยวข้องกับสมองที่รับรู้การเจ็บปวด
  4. พริกช่วยกระตุ้นสมองส่วนกลางให้หลั่งสารเอ็นดอร์ฟิน ซึ่งเป็นสารสร้างความสุข ทำให้เกิดการผ่อนคลาย ทำให้อยากหลับ และช่วยให้ความดันโลหิตลดลง
  5. พริกช่วยกระตุ้นให้อยากอาหาร เนื่องจากเมื่อรับประทานพริก ต่อมน้ำลายจะทำงานมากขึ้น และไปกระตุ้นปลายประสาทให้สมองส่วนกลางรับรู้การอยากอาหาร
  6. พริกช่วยป้องกันการเกิดมะเร็งได้ เนื่องจากในพริกประกอบด้วยวิตามินเอ วิตามินซี ซึ่งเป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระ

ดังนั้นจึงเห็นได้ว่า ในคนที่ชอบรับประทานอาหารรสจัด จึงไม่ค่อยจะมีปัญหาทางระบบทางเดินหายใจมากนัก แต่แม้ว่าพริกจะมีสรรพคุณดังกล่าว ก็แนะนำให้รับประทานอย่างระมัดระวัง เพราะรสเผ็ดในพริก อาจจะทำให้เกิดการระคายเคืองต่อกระเพาะอาหารได้ ทำให้เกิดบาดแผลในระบบทางเดิน อาหารได้ภายหลัง ดังนั้นไม่ควรรับประทานพริกสดๆ หรือรับประทานตอนท้องว่าง

Related