ฟิลเลอร์ VS ไขมัน จะเลือกตัวไหนดี
ตามที่เราทราบกันอยู่แล้วว่า เมื่อเราอายุมากขึ้น นอกจากริ้วรอยที่มีเพิ่มขึ้นตามวัยแล้ว ซึ่งแก้ไขด้วยการฉีดสารโบทอกซ์ อีกปัญหาหนึ่งเมื่ออายุมากขึ้น ก็คือใบหน้าจะมีการสูญเสียคอลลาเจน ไขมัน หรือมวลกระดูก ทำให้เกิดการหย่อนคล้อย การเติมเต็มใบหน้าด้วยการฉีดฟิลเลอร์หรือไขมัน ก็เพื่อทดแทนเนื้อหนังที่หายไปของใบหน้า เป็นหัตถการด้านความงาม เพื่อย้อนวัยให้กลับมาดูดีขึ้น นอกจากนี้ยังมาฉีดเติมบริเวณอื่นๆ ที่ต้องการให้ดูดีขึ้น เช่น เติมขมับ หน้าผาก เสริมจมูกหรือเติมคา
ฟิลเลอร์ต่างจากการฉีดไขมันอย่างไร
ฟิลเลอร์ คือสารเติมเต็มที่ทำการสังเคราะห์ขึ้นมา ประกอบด้วยสารกลุ่ม HA ( Hyaluronic acid) สารตัวนี้สังเคราะห์เลียนแบบคอลลาเจนตามธรรมชาติในร่างกายมนุษย์ ปัจจุบันฟิลเลอร์มีการพัฒนาดีขึ้นมาก มีหลายแบบ หลายยี่ห้อที่ผ่านอย. และได้มาตรฐานสากล
แต่ก็มีฟิลเลอร์ปลอมออกมาด้วยเช่นกัน แยกยากมากจากของแท้ เพราะกอปปี้ออกมาได้เหมือนกันเลย แต่จะสังเกตได้ง่ายๆ คือราคาจะถูกมากเกินจริง ถ้าเจอแบบหลักพันบาทต่อซีซีนี่ ให้ระวังไว้ว่าปลอมหรือไม่ผ่านอย.ชัวร์ ตัวฟิลเลอร์ปลอมนี่เอง ที่ทำให้เกิดปัญหาในปัจจุบัน ยิ่งคนฉีดไม่ใช่แพทย์ ไม่มีความชำนาญ ยิ่งน่ากลัว
ภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอย และกำลังซื้อลดลงในปัจจุบันนี่เอง สงครามแข่งกันถูก แข่งกันลดราคา ยิ่งทำให้ฟิลเลอร์ปลอมระบาดหนักมากขึ้น จึงทำให้คนเริ่มมาสนใจฉีดไขมันตัวเองกันมากขึ้น เพราะชัวร์ว่ายังไงก็ไม่ปลอม เพราะเป็นไขมันตัวเอง
ฉีดไขมัน
คือการนำไขมันส่วนเกินของร่างกายฉีดมาเติมเต็มบริเวณใบหน้า หรือบริเวณที่เราต้องการ แต่ต้องฉีดในปริมาณที่มาก เพราะไขมันที่ฉีดเข้าไปจะสลายไปเอง ประมาณ 30-40% และมักจะอยู่ไม่นาน และต้องใช้ปริมาณมากๆ หรือฉีดเกินไว้ก่อน หลังทำจึงต้องพักฟื้น
ดังนั้นก่อนจะฉีดเติมเต็มด้วยฟิลเลอร์ หรือไขมัน จึงควรเปรียบเทียบข่อดี ข้อเสียแต่ละแบบ ดังนี้
เปรียบเทียบการ เติมไขมันหน้า vs ฉีดฟิลเลอร์
หัวข้อ | การเติมไขมันหน้า | การเติมฟิลเลอร์ |
ราคา | ราคาถูกกว่ามาก ทั่วหน้าไม่จำกัดซีซี ประมาณ 25,000+ | ราคาสูงกว่ามาก ถ้าของแท้ ราคา 12,000+ ต่อ 1cc |
ขนาดแผล | มีแผลบริเวณที่ดูดไขมัน 3-5 mm | ไม่มีรอยแผลให้เห็น |
ผลหลังทำทันที | อาจจะเป็นก้อนหรือหน้าเป็นปลาทองได้ เพราะต้องเติมให้มากกว่าที่ควรเป็น เพราะ 30% จะสลายไป | เห็นผลทันทีหลังทำ ดูเป็นธรรมชาติ |
อยู่ได้นานมั้ย | อยู่ได้ 3-6 เดือนขึ้นอยู่เทคนิคการเตรียมไขมัน | อยู่ได้ 12-24 เดือน ขึ้นอยู่กับชนิดของฟิลเลอร์ที่ใช้ |
เหมาะกับใคร | คนที่ต้องการเติมครั้งละเยอะๆ ให้เปลี่ยนแปลงชัดเจน เหมาะกับคนที่ต้องการเติมหลายๆจุดพร้อมกัน | คนที่ต้องการเปลี่ยนแปลงไม่มาก ไม่อยากให้ใครสังเกตได้ |
การยกกระชับ | เหมาะกับการเติมเต็มทั่วใบหน้าให้อวบอิ่ม ไม่มีผลต่อการยกกระชับ | เหมาะกับการเติมเต็มและยกกระชับไปด้วย เพราะสามารถจะวางบนกระดูกทดแทนมวลกระดูกที่หายไปได้ |
บริเวณไหนที่ฉีดได้ | ฉีดได้ทุกบริเวณยกเว้น ริมฝีปาก ดอลลี่อาย ฉีดใต้ตามักจะนูนเป็นก้อน | ฉีดได้ทุกบริเวณตามความต้องการ โดยเฉพาะบริเวณที่ต้องการความเนียน เช่น ริมฝีปาก ดอลลี่อาย ใต้ตา |
การเติมไขมันหน้ากับการเติมฟิลเลอร์ ชนิดHA แบบไหนปลอดภัยกว่ากัน ?
ปลอดภัยไม่แตกต่างกัน ถ้าแพทย์ที่ทำมีความชำนาญ มีประสบการณ์ และใช้ฟิลเลอร์ที่ได้มาตรฐานผ่าน อย . หรือไขมันที่ใช้ได้คัดกรองอย่างปลอดเชื้อ และเทคนิคที่ได้มาตรฐาน ผลข้างเคียงที่เราต้องระวังกันมากคือ การฉีดเข้าหลอดเลือด เพราะอาจจะทำให้ตาบอด หรืออาจจะถึงเสียชีวิตได้ โดยในต่างประเทศทั่วโลก พบปัญหามักจะเกิดจากจากฉีดไขมันมากกว่าฟิลเลอร์ อาจจะเป็นเพราะหลายๆ ประเทศมีการฉีดไขมันกันมาก และที่สำคัญคือ เมื่อเกิดปัญหา ไขมันไม่มีเอนไซม์ที่ใช้ย่อยสลายไขมันได้ แต่หากเป็นฟิลเลอร์ชนิด Hyarulonic acid จะมีเอนไซม์ที่ชื่อ Hyaluronidase ที่สามารถละลายหมดได้ 100% ทันที หากแพทย์พบว่าฟิลเลอร์เข้าเส้นเลือดก็จะสามารถแก้ไขได้ทันทีครับ
Facebook: https://www.facecook.com/clinicneo
Instagram: https://www.instagram.com/clinicneobydr.jarasphol/
Website: http://www.clinicneo.co.th/
Tel.: 02-399-3390-1,088-694-9266