Posted on

เคล็ดลับในการฉีดฟิลเลอร์อย่างไร ให้เห็นความแตกต่าง อย่างมืออาชีพ

เทคนิคการฉีดฟิลเลอร์ มีหลายอย่าง อยู่ที่จะใช้เพื่อแก้ปัญหาอะไร

การเติมฟิลเลอร์มีจุดประสงค์หลายอย่าง ดังนี้
1. เพื่อเติมเต็มส่วนที่พร่องไป ( Volumn loss )
2. ฉีดเพื่อยกกระชับ ( Filler Lifting ) 
3. ฉีดเพื่อยกให้สูงหรือเด่นขึ้น ( Projections)
4. ฉีดเพื่อให้ความชุ่มชื้นกับผิว (Skin booster)
ดังนั้นเทคนิคการฉีดฟิลเลอร์ ย่อมแตกต่างกัน ตั้งแต่การเลือกยี่ห้อ หรือ ชนิดของฟิลเลอร์ ปริมาณความเข้มข้น ( % HA) ความหนืด (Viscosity ) ความสามารถในการอุ้มน้ำ ระยะเวลาของฟิลเลอร์ว่าแต่ละที่ควรจะอยู่นานแค่ไหน ซึ่งแต่ละยี่ห้อ แต่ละรุ่น จะแตกต่างกัน แพทย์ที่มีประสบการณ์และมืออาชีพ จะทราบแลเลือกฟิลเลอร์ที่เหมาะสม กับปัญหานั้นๆ

ตำแหน่ง ความลึกตื้นการในฉีดฟิลเลอร์ ( Injection Plan or Depth of designed injection )

A. ฉีดชั้นหนังแท้ชั้นบน(Intra-dermal Augmentation) เหมาะกับการฉีดเพื่อให้ความชุ่มชื้นกับผิว หรือปรับสภาพผิวให้เต่งตึง หรือริ้วรอยเหี่ยวย่นเล็กๆ เช่นรอบดวงตา โดยจะเลือกชนิดของฟิลเลอร์ ที่มีความเข้มข้นของ HA ต่ำ ที่มีความหนืดเบาบาง กระจายตัวได้ง่าย ไม่จับตัวเป็นก้อน เช่น restylane vital light,juvederm vobella ,perfectha derm
B. ฉีดชั้นหนังแท้ชั้นล่าง หรือไขมันส่วนบน (Sub-dermal Augmentation ) เป็นการฉีดเพื่อปรับแต่งโครงหน้า หรือ remodelling เติมริมฝีผากให้อิ่ม ริ้วรอยเล็กๆ เพื่อเพิ่อให้เกิดการ Projections ให้ดูเด่นขึ้น แต่ไม่มากนัก โดยจะเลือกชนิดของฟิลเลอร์ที่หนืดมากขึ้นกว่าในแบบ A หรือใช้แบบชนิดเดียวกันก็ได้ แต่ฉีดลึกขึ้น restylane vital ,juvederm ultra ,perfectha deep
C. ฉีดชั้นไขมัน (Sub-cutaneous Augmentation) เป็นการฉีดแบบสารเติมเต็มดั้งเดิมที่เคยฉีดมา หรือทดแทนคอลลาเจนที่หายไป ( Volumn loss) เช่นการฉีดเติมร่องแก้ม ร่องตาลึก เติมขมับ โดยจะเลือกชนิดของฟิลเลอร์ที่มีความเข้มข้นของสาร HA มากขึ้นกว่าแบบ A และ B และมีความหนืดมากขึ้น จับตัวมากขึ้น เช่น restylane,juvederm ultra plus
D. ฉีดฟิลเลอร์วางบนกระดูก (Supra-periosteum Augmentation) หลักๆ เพื่อต้องการยกกระชับ ( Filler Lifting ) ในกรณีที่การหย่อนคล้อยของคอลลาเจน และในบางคน มีการสูญเสียความหนาแน่นของกระดูกด้วย หรือทำให้เกิดสูงเด่นขึ้น (Projections ) แล้วเพื่อหวังผลไม่ให้มีลักษณะจับตัวเป็นก้อน ทำให้ดูเป็นธรรมชาติ และเป็นการหลีกเลี่ยงการฉีดไปโดนเส้นเลือด นิยมนำมาฉีดในคนที่มีปัญหาเบ้าตาลึก เสริมดั้งจมูก ฉีดเสริมคาง ตกแต่งขอบคาง หรือฉีดเติมหน้าผากให้โหนกนูนอย่างเป็นธรรมชาติ โดยจะเลือกชนิดของฟิลเลอร์ที่มีความเข้มข้นของสาร HA มากขึ้นกว่า แบบ A,B,C และมีความหนืดมากขึ้น จับตัวมากขึ้น เช่น perlane,juvederm voluma,perfectha subcutaneous จริงๆ วิธีนี้ไม่ใช่เทคนิคใหม่ที่บางท่านนำมาอ้างว่าได้คิดค้นขึ้นมาเอง มีเขียนไว้ในตำราและแพทย์หลายๆ ท่านก็ได้ใช้อยู่แล้ว เพียงแต่มานิยมมากขึ้นในปัจจุบัน เพราะสามารถลดผลข้างเคียงจากการฉีดฟิลเลอร์ได้

ชนิดของเข็มที่ฉีด

2.1 เข็มปลายแหลม ( Needles) ซึ่งมีหลายขนาด เช่นเข็มเบอร์ 23-30 G needles ขึ้นอยุ่กับการเลือกใช้ แต่ตำแหน่งและความลึกตื้นในการฉีด เข็มปลายแหลมมักจะใช้ในกรณีฉีดแบบตื้นใต้ผิวหนัง( Intradermal or subdermal เพื่อหวังผลในการให้ความชุ่มชื้น หรือใช้ในเป็นการฉีดยกกระชับโหนกแก้ม หรือการฉีดวางบนกระดูก (Supra-periosteum)
2.2 เข็มปลายทู่ ( Canula) ซึ่งมีหลายขนาด เช่น 22-27 G Canula มักจะนิยมนำมาฉีดในชั้นไขมัน (Sub-cutaneous Augmentation) เพราะชั้นนี้จะมีเส้นเลือดมาก เป็นการฉีดแบบสารเติมเต็มดั้งเดิมที่เคยฉีดมา หรือทดแทนคอลลาเจนที่หายไป ( Volumn loss) และเพื่อหลีกเลี่ยงผลข้างเคียงที่อาจจะทำให้เกิดเส้นเลือดอุดตันได้ เช่นการฉีดเติมร่องแก้ม ร่องตาลึก เติมขมับ

ทิศการหรือองศาในการฉีดฟิลเลอร์ (Classified  fillers Technique with Needle or Canula )

3.1 ฉีดหยอดเป็นจุดๆ ( Serial puncture technique) เหมาะกับการฉีดกระจายทั่วใบหน้าให้เกิดความชุ่มชื้น และฉีดชั้นตื้น Intra-dermal
3.2 ฉีดเป็นเส้นตรง (Linear-threading technique) อาจจะฉีดเดินหน้าหรือถอยหลัง เหมาะกับการฉีดร่องแก้ม ฉีดเสริมจมูก และฉีดในชั้นไขมัน อาจจะใช้เข็มปลายแหลมหรือเข็มทู่(Canula)
3.3 ฉีดกระจายเป็นรูปพัด (Fanning technique) มักจะฉีดเพื่อเพิ่ม volumn เช่นการเติมโหนกแก้ม ขมับ หน้าผาก และฉีดในชั้นไขมันด้วยเข็ม Canula เพื่อป้องกันการเข้าเส้นเลือด
3.4 ฉีดทะแยงมุม ไขว้กัน (Cross-hatching technique) มักจะฉีดเพื่อเพิ่ม volumn โดยฉีดในชั้นไขมัน อาจจะใช้เข็มปลายแหลม หรือปลายทู่ก็ได้ ในบริเวณที่มีการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อ เช่นร่องแก้มลึก ฉีดเสริมคาง
3.5 ฉีดแบบหอคอย (Tower technique) มักจะเป็นการฉีดเพื่อเพิ่ม Projections ให้สูงขึ้นเช่นฉีดโหนกแก้ม ฉีดหัวคิ้ว ฉีดขมับ โดยมักจะใช้เข็มปลายแหลม วางบนชั้นกระดูก และค่อยๆ ดึงเข็มขึ้นให้ฟิลเลอร์มีลักษณะคล้ายหอคอย
จากที่กล่าวมาข้างต้น จะเห็นว่าการฉีดฟิลเลอร์ให้ได้ผลดี ปลอดภัย สวยงาม เป็นธรรมชาติ และเกิดผลข้างเคียงน้อย มีเทคนิคต่างๆ มากมาย ที่แพทย์ที่มีประสบการณ์และความชำนาญต้องใช้เวลาในการหมั่นฝึกฝน อบรม และพัฒนาตนเองตลอดเวลา สามารถดีไซน์สัดส่วนและโครงหน้า จุดเด่น จุดด้อยในแต่ละคน แต่ละเพศ แต่ละวัย ได้อย่างมีศิลปะ และขณะเดียวกันต้องสามารถตอบสนองความต้องการของคนไข้ได้อย่างน่าพอใจ ทั้งประสิทธิผลและราคายุติธรรม จึงจะสามารถสร้างความต่างอย่างมีสไตล์ได้จริง