Posted on

รักแร้ดำ ขาหนีบดำ รอยดำจากท่อไอเสีย ดำได้ ก็จางได้ ไม่กลับมาใหม่ ด้วย Revlite Laser

รักแร้ ขาหนีบดำ รอยด่างดำจากท่อไอเสีย รอยดำที่ใครก็ไม่อยากมี

แม้ว่าปัญหารักแร้ดำ ขาหนีบดำ ขาเป็นรอยด่างดำ จะดูเป็นเรื่องเล็ก ๆ ในที่ลับ ๆ ที่อาจจะดูเป็นตำแหน่งที่ไม่มีใครเห็นหรือสังเกตได้ง่าย แต่ก็ถือว่าเป็นตำแหน่งที่สร้างความไม่มั่นใจให้กับคุณได้ หากคุณต้องการจะอวดวงแขน หรือใส่ชุดว่ายน้ำหรือกางเกงขาสั้นขึ้นมา เพราะหากเกิดปัญหาขึ้นมาแล้ว มันอาจจะทำให้คุณสูญเสียความมั่นใจในการอยากจะอวดรูปร่างของคุณขึ้นมาได้ ดังนั้นจงอย่ามองข้ามจุดเล็กๆ นี้ เพราะอาจจะช่วยให้คุณดูดี มั่นใจ ในทุกช่วงเวลาก็เป็นได้

สาเหตุของการเกิดรอยดำ

  1.   เกิดจากการเสียดสี เป็นส่วนใหญ่ แล้วเกิดการอักเสบขึ้นมา เพราะเราทราบมาแล้วว่าเมื่อใดที่เกิดการอักเสบ โดยเฉพาะในผิวคนเอเชีย มักจะมีรอยด่างดำตามมาเสมอ และถ้าเกิดบ่อยๆ ก็จะยิ่งทำให้สีผิวดำคล้ำมากขึ้น การเกิดการเสียดสี จากต้นแขน ต้นขาใหญ่แล้วเบียดกันมากเกินไป และบ่อยๆ ซึ่งพบได้คนอ้วน หรือการใส่กางเกงในที่ขอบรัดเกินไป หรือเกิดจากการเคลื่อนไหวบ่อยๆ อย่างไม่ระวัง เช่นในกลุ่มนักกีฬา
  2. โรคเชื้อราที่ รักแร้ หรือขาหนีบ ซึ่งมักจะเกิดจากความอับชื้น โดยเฉพาะในวัยรุ่นหรือนักกีฬา โดยเมื่อเกิดการติดเชื้อรา มักจะมีอาการคัน ทำให้เกาแล้วเกิดการอักเสบ แล้วเกิดรอยดำตามมา ซึ่งถ้าไม่ทำการรักษาให้หายขาด และเกิดเรื้อรัง รอยดำก็จะยิ่งชัดและเข้มมากขึ้น
  3. โรคผื่นแพ้ผิวหนังอักเสบ (Seborrheic dermatitis) หรือผื่นแพ้สัมผัส (Contact dermatitis) จากการแพ้โรลออน ขอบกางเกงใน หรือสายรัดขอบยกทรง หรือขอบกางเกงในแน่นเกินไป  ทำให้เกิดอาการผื่นแดง คัน แล้วก็เกาแล้วเกิดการอักเสบ และรอยดำตามมาภายหลัง
  4. โรคติดเชื้อแบคทีเรีย มักจะพบในผู้ป่วยเบาหวาน ซึ่งมักจะอ้วน และภูมิต้านทานต่ำ จึงเกิดการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อนได้ง่าย ทำให้คัน เกาและอักเสบ เกิดรอยดำเช่นกัน
  5. รอยดำจากความร้อน เช่นจากท่อไอเสีย จากการสัมผัสของร้อนแล้วไหม้ เกิดรอยดำ

ทำไงให้หายดำ เป็นปกติแบบไม่กลับมาใหม่

  1. หลีกเลี่ยงสาเหตุที่ทำให้เกิดข้างต้น คนที่มีน้ำหนักตัวมากๆ ก็ควรจะเริ่มหันมาลดน้ำหนักอย่างจริงจัง โดยให้เน้นท่าออกกำลังกาย เพื่อช่วยลดการเสียดสี หรือสลายไขมันส่วนเกินทีต้นแขน ต้นขา
  2. ไม่ควรใส่ยกทรง หรือ กางเกงในตอนนอน แต่หากจำเป็นต้องใส่ก็ให้เลือกใส่กางเกงในที่ไม่มีตะเข็ม ใส่แล้วไม่รัดติ้ว และไม่ใส่จนรัดเกินไป
  3. ควรเลี่ยงการเคลื่อนไหวที่รวดเร็ว และไม่ระวัง เพราะจะกระตุ้นให้เกิดการเสียดสีได้ง่าย หรืออุบัตเหตุได้ง่าย
  4. รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ โดยเฉพาะอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ ได้แก่ วิตามินซี วิตามินอี โดยวิตามินอีสามารถพบได้มากในอาหารจำพวก นม ถั่ว ไข่ เนื้อสัตว์ ปลา ผัก ฯลฯ ส่วนวิตามินซีจะพบได้มากในผักและผลไม้ วิตามินทั้งสองชนิดนี้มีบทบาทที่เป็นประโยชน์ต่อผิว ทำให้ผิวแข็งแรงและลดการอักเสบได้ โดยเฉพาะวิตามินซี ทั้งแบบฉีดและรับประทานขนาดสูงๆ จะช่วยลดรอยด่างดำได้ดี
  5. ขัดผิว ให้ใช้ฟองน้ำหรือใยบวมขัดเบาๆ บริเวณรักแร้ ขาหนีบในขณะอาบน้ำ อาจขัดไปพร้อมๆ กับตอนถูสบู่เลยก็ได้ โดยให้ทำอาทิตย์ละ 1-2 ครั้งก็พอ รอยดำบนขาหนีบของคุณจะค่อยๆ จางลงอย่างแน่นอน แต่ขอย้ำนะครับว่าควรขัดถูแบบเบาๆ เพราะถ้ายิ่งลงแรงขัดมากเท่าไหร่ก็อาจทำให้เกิดการอักเสบบวมแดงมากขึ้นเท่านั้น พอแดงมากๆ ความดำจากการเสียดสีก็จะมาเยือน และเยอะขึ้นกว่าเดิมด้วย
  6. สครับผิวสูตรธรรมชาติ การขัดบำรุงผิวก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยเร่งการผลัดเซลล์ผิวเก่าที่ตายแล้ว แต่ย้ำนะครับ ว่าให้เลือกที่ไม่ระคายเคืองผิวมากนัก การสครับผิวควรให้ค่อยๆ ลอกออกช้าๆ เหมือนลอกขี้ไคล  ไม่ควรจะถูแรงๆ หรือไม่ใช่ลอกจนแดง เพราะจะทำให้เกิดการอักเสบ แล้วกลับมาดำคล้ำได้ใหม่
  7. ดูแลทำความสะอาดผิว มิให้เกิดการอับชื้นได้ง่าย อาจจะโรยแป้งป้องกันความชื้น หรือเมื่อเล่นกีฬาเสร็จก็ควรรีบอาบน้ำทันที ไม่ปล่อยหมักหมม
  8. ทาไวเทนนิ่งครีม เลือกชนิดที่มีสรรพคุณลดการจำนวนเม็ดสีเมลานิน เช่น วิตามินซีเข้มข้น Kojic acid,Albutin ฯลฯ ไม่ควรเลือกชนิดที่มีสรรพคุณลอกผิว เช่น AHA หรือกรดเข้มข้น เพราะอาจจะยิ่งช่วยเพิ่มการอักเสบให้มากขึ้น
  9. ส่วนการรักษาที่ได้ผลดี เร็ว ไม่มีผลข้างเคียงและไม่กลับมาดำคล้ำใหม่ แนะนำ เลเซอร์เม็ดสี : ได้แก่ เลเซอร์กลุ่ม Q-Swithced Nd:YAG laser เช่น Revlite laser , จัดเป็นการรักษาที่ได้ผลตามมาตรฐานสากลทางการแพทย์  เพราะจะแก้ไขปัญหารอยดำได้ทุกบริเวณ ไม่ว่าจะที่ไหน รอยดำตื้น หรือลึก โดยจำนวนครั้งในการรักษาอาจจะแตกต่างกันแล้วแต่สีผิว ความลึกตื่นของรอยดำ ปกติมักจะทำ 2-3 อาทิตย์ต่อครั้ง ประมาณ 5-10 ครั้งโดยเฉลี่ย โดยควรเลือกช่วงคลื่นที่มีสรรพคุณช่วยลดเลือนจำนวนเม็ดสี แม้จะต้องทำหลายครั้ง แต่ก็ดีกว่าการเลือกเลเซอร์ที่มีช่วงคลื่นที่มีสรรพคุณลอกผิว ซึ่งก็เหตุผลเดียวกันคือการลอกผิวบริเวณนี้ไม่ควรทำ เนื่องจากผิวมักจะบอบบางและอักเสบได้ง่ายอยู่แล้ว  เพราะถ้าเกิดการอักเสบขึ้นมา ก็จะทำให้รอยดำกลับมาใหม่ได้อีก และอาจจะมากกว่าเดิมเพราะผลของความร้อนจากเลเซอร์