การอบซาวน่า ไดร์สผม ดื่มอัลกอฮอล์ หรือ รับประทานของร้อนๆ มีผลต่อโบทอกซ์ที่ฉีดหรือไม่
ตอบ : ไม่มีผลต่อฤทธิ์ของโบทอกซ์ เพราะโบทอกซ์หลังฉีด ตัวยาโบทอกซ์ จะไปออกฤทธิ์ยับยั้งการสื่อสารระหว่างเซลประสาทและกล้ามเนื้อในเวลาไม่กี่นาทีกล้ามเนื้อจะขาดการรับรู้การเซลล์ประสาทในทันทีหลังฉีด ดังนั้นการที่แนะนำให้เลี่ยงหรืองดการอบซาวน่า การดื่มอัลอกฮอล์ หรือรับประทานอาหารร้อนๆ ไม่ได้ทำให้โบทอกซ์ออกฤทธิ์สั้นลง หรืออยู่ไม่นาน ที่ให้เลื่ยงพฤติกรรมบางอย่างหลังฉีด 4 ชั่วโมง ก็เพียงเพื่อป้องกันการฟกช้ำได้ง่าย(Bruise) จากเส้นเลือดฝอยที่ขยายตัวจากอัลกอฮอล์ หรือความร้อนต่างหาก แต่ไม่ได้มีผลทำให้ฤทธิ์ของโบทอกซ์ลดลงจากเดิมแต่อย่างใด
โบทอกซ์แต่ละยี่ห้อ ให้ผลแตกต่างกันมั้ย
ตอบ: แตกต่างกันอย่างแน่นอน แม้ว่าตัวยาที่ใช้ คือ Botulinum toxin type A เหมือนกัน มีกลไกในการออกฤทธิ์เหมือนกัน แต่ข้อแตกต่างเกิดจากองค์ประกอบต่างๆ ดังนี้
1. Protein load ทำหน้าที่คล้ายเป็นตัวห่อหุ้มตัวยาไว้ เพื่อให้ยาคงสภาพออกฤทธิ์ได้นานตามต้องการ แต่พบว่าแต่ละยี่ห้อ มีกลไกการผลิตต่างกัน ซึ่งพบว่าตัวนี้มีผลอย่างมากต่อการออกฤทธิ์ของโบทอกซ์ ทั้งในแง่ประสิทธิภาพ และระยะเวลา โดยพบว่า ประสิทธิภาพของ Protein load ของยี่ห้อทางอเมริกา และอังกฤษ จะป้องกันคุณภาพยาได้ดีกว่า ของเกาหลี ดังนั้นจึงไม่แปลกที่ โบทอกซ์เกาหลี หรือจีน ออกฤทธิ์ได้เพียง 2-3 เดือน ขณะที่โบทอกซ์อเมริกา อังกฤต จะอยู่ได้ 6-8 เดือน
2. อัตราการดื้อยา เกิดจาก Protein load ที่ไม่บริสุทธิ์ ผลิตแบบลดต้นทุน ที่พบได้ในโบทอกซ์ราคาถูกผิดปกติ ทำให้ร่างกายออกฤทธิ์ต้านหรือสร้างแอนตี้บอดี้ ต่อโบทอกซ์ได้ ซึ่งปัจจุบันพบปัญหาดื้อยามากขึ้น เนื่องจากตลาดแข่งขันด้านราคากันมาก ทำให้เกิดการลดต้นทุนด้วยยาเลียนแบบ หรือยาปลอม
3. ยูนิตของโบทอกซ์ของแต่ละยี่ห้อ ก็ออกฤทธิ์ได้ไม่เท่ากัน ดังนั้นการที่จะบอกว่าใช้จำนวนยูนิตเท่าไหร่ ยิ่งเยอะยิ่งดี คงไม่ถูกต้องนัก ต้องดูว่าใช้ยี่ห้ออะไร ได้มาตรฐานสากลหรือไม่ FDA รับรองผลแค่ไหน ดังนั้นไม่ควรเอาราคามาเป็นโจทย์ในการเลือกฉีดโบทอกซ์ ควรจะเอายี่ห้อที่ฉีดเป็นโจทย์หลัก แล้วค่อยว่ากันถึงปริมาณยูนิตที่ฉีดเป็นปัจจัยถัดมา นอกเหนือจากประสบการณ์ของแพทย์ที่ฉีด
สังเกตง่ายๆ ก็คือ ถ้าราคาถูกผิดปกติ ให้คิดว่า อาจจะไม่ใช่ของแท้ เพราะนอกจากจะได้ผลไม่ชัดเจน อยู่ได้ไม่นานแล้ว ความไม่บริสุทธิ์ของตัวยา อาจจะมีผลทำให้เกิดการดื้อต่อโบทอกซ์ในอนาคตได้ง่าย
ถ้าจะถามว่าโบท็อกซ์ (Botox) แบรนด์ไหนดีกว่ากัน? คำตอบนี้ขึ้นอยู่กับวัตุถุประสงค์ในการใช้ และงบประมาณของคนไข้ แบรนด์ที่ดีที่สุดอย่าง Allergen ของแท้จากอเมริกา ย่อมมีราคาที่สูงกว่าทุกแบรนด์ เพราะผลลัพธ์ที่ได้ก็ดีที่สุด อยู่ได้นานสุด รองมาก็จะเป็น Dysport ของ อังกฤษ และ Xeomin เยอรมัน
ทั้งนี้ทั้งนั้นผู้บริการต้องเลือกใช้คลินิกที่มีคุณภาพ ใช้ของแท้ ไม่ใช้ของปลอม เนื่องจากมีคนหิ้วขายอยู่เต็มไปหมด และที่สำคัญต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ หากไม่มีความชำนาญแล้วบังเอิญฉีดไม่ตรงจุด แล้วผลที่ได้ราคาที่จ่ายไปก็อาจจะไม่คุ้มกับผลลัพธ์ที่ได้
โบทอกซ์เหมาขวดกับฉีดตามปริมาณยูนิต อย่างไหนดีกว่ากัน
ตอบ: ถ้าเหมาขวด ถูกกว่า ก้ควรจะซื้อเหมาขวด แต่ต้องฉีดให้หมดภายในวันนั้น ไม่ควรจะเก็บฝากไว้ เพราะ ปกติเวลาโบทอกซ์ผสมแล้ว ควรจะใช้ให้หมดใน 1 อาทิตย์ ฤทธิ์โบทอกซ์จะคงสภาพได้เกือบ 100% แต่ถ้าผสมทิ้งไว้เกิน 1 เดือน ฤทธิ์โบทอกซ์จะลดลงไม่ถึง 80% ดังนั้นบางคลินิก หรือบางที่เช่นหมอกระเป๋าทั้งหลาย จึงจะนิยมบอกให้คนไข้เหมาขวด เพราะถ้าฉีดไม่หมดและทิ้งไว้นาน จะเหมือนฉีดน้ำเปล่าให้ เค้าต้องทิ้ง จึงมีต้นทุนสูง บางที่มีเทคนิคว่าเหมาขวดจะถูกกว่า แล้วเก็บไว้ฉีดเมื่อไหร่ก็ได้จึงไม่เป็นความจริง เป็นการล่อหลอกให้จ่ายเงินไว้ล่วงหน้า ซึ่งจริงๆแล้ว โบทอกซ์ที่เหลือของเรา เค้าก็เอาไปฉีดคนอื่น แล้วเอาของคนอื่นมาฉีดให้เรา ดังนั้นการฉีดโบทอกซ์ถ้าจะเหมาขวด ต้องฉีดให้เราเห็นว่าใช้หมดขวดจริงๆ ไม่มีเก็บไว้คราวต่อไป หรือถ้าจะฉีดก็ควรคิดราคา ตามปริมาณยูนิตที่ฉีดเป็นครั้งๆ ไป
ฉีดโบปริมาณซีซีเยอะๆ หรือยูนิตเยอะๆ ได้ผลดีกว่า อยู่นานกว่ามั้ย
ตอบ: ไม่จริง แม้ว่าฤทธิ์โบทอกซ์ขึ้นอยู่กับ ฉีดยี่ห้อไหน ปริมาณยูนิตของยี่ห้อนั้น เท่าไหร่ แต่ต้องทราบว่า แต่ละยี่ห้อ ประสิทธิภาพต่อ 1 ยูนิต จะไม่เท่ากัน เช่น 1 Unit Allergan เทียบเท่า 2.5 Units Dysprot เป็นต้น
ส่วนปริมาณซีซี ไม่บ่งบอกอะไร เพราะปกติโบทอกซ์ 1 ขวด จะบรรจุในรูปของยาผงหรือ Dry Power แล้วค่อยนำมาผสมกับน้ำเกลือสะอาด (normal saline) 1-4 ซีซีต่อ 100 ยูนิต ดังนั้นการดูซีซีของการฉีดโบทอกซ์ไม่ได้บ่งบอกอะไร ต้องดูว่าการผสมนั้นผสมแบบไหน ถ้าผสมแบบ 1 ซีซี ก็เท่ากับ 10 Unit/0.1 CC ( ที่อเมริกามักจะใช้สูตรนี้) หรือ ถ้าผสม 4 ซีซี ก็จะเท่ากับ 4 ยูนิต/0.1 ซีซี (ในเมืองไทยมักจะผสมสูตรนี้) ดังนั้นถ้าเอาปริมาณซีซีที่ฉีด ว่าฉีดเท่านั้นเท่านี้ซีซี ไม่บ่งบอกอะไร
ฉีดโบ ไม่พอใจ ทำไง สลายได้มั้ย
ตอบ: สลายไม่ได้ ไม่ว่าด้วยวิธีใด ต้องรอให้ยาหมดฤทธิ์เอง ใน 3-4 เดือน บางคนไปฉีดโบทอกซ์กับคนที่ไม่ใช่แพทย์ที่มีประสบการณ์โดยตรง หรือกับบุคคลที่ไม่ใช่แพทย์ เช่น คนรู้จัก หรือพยาบาล และเกิดผลข้างเคียง เพราะคิดว่าใครๆ ก็ฉีดกันได้ เป็นความเชื่อที่ไม่ถูกต้อง
– แพทย์ที่จะฉีดโบทอกซ์แล้วผลออกมาดี และไม่มีผลข้างเคียง ต้องมีความรู้ความชำนาญในสรีระ และกล้ามเนื้อทุกมัดที่จะฉีด เพราะกล้ามเนื้อโดยเฉพาะที่ใบหน้า สานทอกันเป็นร่างแห และมีกลไกการทำงานแตกต่างกัน การฉีดผิดตำแหน่ง หรือไปทำบางตำแหน่งที่ห้ามฉีด ก็อาจจะมีผลข้างเคียงเกิดขึ้นได้ เช่น
– ฉีดรอยย่นหน้าผาก ถ้าฉีดต่ำใกล้คิ้วมากเกินไป ก็อาจจะเกิดหนังตาตก ลืมตาไม่ขึ้น
– ฉีดลดกราม ซึ่งจริงๆ ต้องฉีดที่กล้ามเนื้อ Masetter (กราม) แต่กลับไปฉีดตื้นเกินไป หรือใกล้มุมปากมากเกินไป ยาจึงไปมีผลต่อกล้ามเนื้อ Risorius ที่ควบคุมเกี่ยวกับการยิ้ม ทำให้ยิ้มไม่ได้ หรือยิ้มแล้วมุมปากยกไม่เท่ากัน
– ฉีดโหนกแก้ม ร่องแก้ม เป็นบริเวณที่ไม่ควรฉีดโบทอกซ์ ก็ไปฉีดโบทอกซ์ปูพรมไปทั้งหน้า เพราะคิดว่าคงจะช่วยยกกระชับใบหน้าได้ กลับยิ่งทำให้หน้าหย่อนคล้อยได้มากขึ้น
– เมื่อเกิดผลข้างเคียงดังกล่าว ก็อยากจะทำให้โบทอกซ์สลายเร็ว เพื่อจะได้แก้ปัญหาดังกล่าว โดยคิดว่าคงมีวิธีที่จะทำให้โบทอกซ์สลายไปเร็วขึ้น เช่น ไปอบซาวน่า ไปทำ RF ทำไอออนโต หรือทำเลเซอร์ เพื่อสลาย ขอบอกเลยว่าไม่สามารถช่วยได้แม้แต่น้อย เพราะโบทอกซ์เมื่อฉีดไปแล้วไม่กี่นาที . ตัวยาไปจะจับกับ Recepetor แล้ว พร้อมจะออกฤทธิ์ และไม่สามารถจะทำให้การจับกับ Receptorคลายออกได้ ดังนั้นต้องรอให้โบทอกซ์ค่อยๆ คลายฤทธิ์ไปเองตามธรรมชาติของตัวยา ซึ่งใช้เวลาเป็นเดือน อาการหรือผลข้างเคียงดังกล่าวจึงจะค่อย ๆ หายไป
ยาบางตัวมีผลต่อโบทอกซ์หรือไม่
ตอบ : ใช่ครับ แม้ว่าปกติตัวยาโบทอกซ์ค่อนข้างจะปลอดภัยสูง แต่ก็มียาบางตัวมีผลต่อโบทอกซ์ ส่วนตัวยาอะไรบ้างที่มีผลต่อโบทอกซ์ ยังไม่มีข้อห้ามที่ชัดเจน แต่ควรระวังในกลุ่มยาเหล่านี้
- ยาปฏิชีวนะในกลุ่ม Aminoglycosides เป็นกลุ่มของยาปฏิชีวนะที่มีฤทธิ์ต้านแบคทีเรียยากลุ่มนี้ได้แก่ ยาที่มีกลไกการออกฤทธิ์ของอะมิโนไกลโคไซด์คือการไปเชื่อมต่อกับไรโบโซม (ribosome) 30เอส ของแบคทีเรียทำให้เกิดความผิดพลาดในการอ่านรหัส ที-อาร์เอ็นเอ (t-RNA) และแบคทีเรียไม่สามารถสังเคราะห์โปรตีนเพื่อการเจริญเติบโตได้ ยกตัวอย่างเช่น อะมิกาซิน (amikacin),เจนตามิซิน (gentamicin),กานาไมซิน (kanamycin),นีโอไมซิน (neomycin),เนติลมิซิน (netilmicin)พาโรโมไมซิน (paromomycin),สเตรปโตไมซิน(streptomycin),โตบราไมซิน (tobramycin),ยาที่สกัดจากเชื่อราสเตรปโตไมซีส (Streptomyces) จะมีคำลงท้ายว่า -ไมซิน (-mycin) ยาที่สกัดจากเชื่อราไมโครโมโนสปอรา (micromonospora) จะมีคำลงท้ายว่า -มิซิน (-micin) เพราะอาจจะมีทำให้ฤทธิ์โบทอกซ์ลดลงได้
- ยาที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น กลุ่มยา Aspirin หรือยารักษาอาการปวดข้อ เช่น Brufen หรือยาสลายลิ่มเลือดบางตัว เช่น Coumadin หรือวิตามินอี วิตามินซี อาจจะมีผลทำให้เกิดรอยฟกช้ำได้ง่าย เพราะยากลุ่มเหล่านี้ ทำให้เลือดแข็งตัวได้ช้ากว่าปกติ เมื่อก่อนฉีดโบทอกซ์ จึงควรจะหยุดยาซัก 2-3 วันและหลังฉีดอีก 2-3 วัน เพียงเพื่อป้องกันการฟกช้ำ รอยเขียวช้ำได้ง่าย ตามรอยเข็มที่ฉีดเท่านั้น ส่วน ยารักษาสิว เช่น โรแอคคิวเทรน หรือยาแก้อักเสบตัวอื่นๆ หรือยานอกเหนือจากที่กล่าวในข้อ 1-2 จะมีผลหรือไม่ ต้องหยุดหรือไม่ หรือหลังฉีดมีข้อห้ามอะไรหรือเปล่า จริงๆ ยานอกเหนือจากนี้ ไม่มีผลต่อฤทธิ์ของโบทอกซ์เลยหรือยังไม่มีรายงานข้อควรระวัง
การฉีดโบทอกซ์ มีผลต่อทารกในครรภ์หรือไม่
ตอบ :ยังไม่มีรายงานชัดเจนว่ามีผลต่อทารกในครรภ์ แต่แค่เตือนว่า ไม่ควรฉีด ถ้ารู้ว่าตั้งครรภ์ หรือมีการวางแผนว่าจะตั้งครรภ์ แม้จะมีการถกเถียงกันมากว่า โบทอกซ์มีผลต่อทารกในครรภ์หรือไม่ หรือเมื่อฉีดโบทอกซ์ไปแล้ว เกิดตั้งครรภ์แบบไม่ตั้งใจ จะมีผลต่อทารกหรือไม่อย่างไร ขอชี้แจงดังนี้ว่า
-เคยมีแต่บางรายงาน ว่ามีการฉีดโบทอกซ์ในสัตว์ทดลองแล้วมีผลต่อทารกในครรภ์ แต่ในมนุษย์ยังไม่มีรายงาน เพราะปกติสตรีมีครรภ์ ไม่ควรจะฉีดอยู่แล้ว หลักสากลก็คือ สูติแพทย์จะแนะนำให้สตรีมีครรภ์ ควรจะรับประทานยาเท่าที่จำเป็น และหลีกเลี่ยงการทำทรีทเม้นต์ต่างๆ ยกเว้น กรณีฉุกเฉิน และเสี่ยงต่อสุขภาพของมารดา ก็อาจจะพิจารณาทำการรักษาได้ เคยมีคนไข้ที่ตั้งครรภ์ในเมืองนอก แล้วมีปัญหากล้ามเนื้อทำงานผิดปกติ กระตุก หรือไมเกรนอย่างหนัก แพทย์บางท่านก็ยังพิจารณาฉีดโบทอกซ์ให้ เพื่อทำการรักษา ทารกก็คลอดออกมาปกติ
– จากประสบการณ์ของผู้เขียน ที่ผ่านการฉีดโบทอกซ์มา 20 กว่าปี ฉีดคนไข้หลายพันคน เคยมีเช่นกัน ที่คนไข้ฉีดโบทอกซ์ไปแล้ว เกิดตั้งครรภ์ ขึ้นมา แล้วมาปรึกษา ก็ได้ให้คำแนะนำไป และทารกทุกราย (มีบันทึกประมาณ 17 ราย) ก็คลอดปกติ แต่ถ้าต้องการจะตั้งครรภ์ หรือกำลังตั้งครรภ์ ผู้เขียนก็ไม่ฉีดโบทอกซ์ให้อยู่แล้วเพราะเป็นหลักสากลที่เราไม่ควรจะทำ
– ส่วนกรณีที่คลอดบุตร และกำลังให้นมบุตร ก็ไม่มีหลักฐานว่าตัวยาโบทอกซ์จะผ่านทางน้ำนม ดังนั้นในผุ้ที่ให้นมบุตร และต้องการฉีดโบทอกซ์ ไม่ถือว่าเป็นข้อห้ามเช่นกัน
คนที่ไม่สามารถในการฉีดโบทอกซ์ได้ คือกลุ่มไหน
ข้อห้ามในการฉีดโบทอกซ์ จริงๆ มีอะไรบ้าง
-มีนะครับ ดังนี้
1. คนที่แพ้สาร Botulinum Toxin Type A
2. ไม่ควรจะฉีดโบทอกซ์ในบริเวณที่มีแผลหรือการติดเชื้อแบคทีเรีย ในบริเวณที่ต้องการจะฉีดโบทอกซ์
– นอกนั้นมีแค่ควรเลี่ยงหรือระมัดระวัง ในกลุ่มที่มีปัญหาเหล่านี้
1.กล้ามเนื้อและเส้นประสาทผิดปกติ ( Neuromuscular disorder)
2. กระเพาะปัสสาวะหย่อนยาน กลั้นปัสสาวะไม่ได้( Urinary retention)