Posted on

กำจัดขนถาวร ทุกจุด รักษาขนคุด ด้วยเลเซอร์กำจัดขน กระชับผิวหน้า รุ่นล่าสุด : Gentle YaG Pro

กำจัดขนด้วยเลเซอร์ ได้ผลดีสุด เร็วสุด อยู่นานสุด

กำจัดขนถาวรได้รับความนิยมมากขึ้น เพราะทำให้ผิวหน้า ผิวกาย เกลี้ยงเกลา เนียนใส ไม่มีขนดกดำ มาให้รำคาญ หรือเป็นภาระในการต้องโกน ถอน หรือแวกซ์กันบ่อยๆ
การกำจัดขนด้วยเลเซอร์ จัดเป็นการกำจัดขนที่ได้ผลดีสุด ไวสุดและสามารถกำจัดขนได้คราวละมากๆ ไม่เสียเวลาในการทำ ไม่สร้างความเจ็บปวด สามารถทำได้ทุกเพศทุกวัยทุกตำแหน่งที่มีขนที่คุณไม่ต้องการ โดย พบว่า เลเซอร์ในการกำจัดขนมีหลายขนิด เช่น Ruby Laser,Alexandriteหรือ Diode Laser ,Long Pulse Nd:YAG Laser ,Q-Switched Ng:YAGเป็นต้น โดยพบว่า Long Pulse Nd:YAG Laser Z(Gentle YaG) ถือเป็นเลเซอร์ตัวที่ได้รับความนิยมสูง ได้ผลดี ปลอดภัย ผลข้างเคียงน้อย และเหมาะกับผิวเอเชีย หรือคนสีผิวคล้ำมากที่สุด เมื่อเทียบกับเลเซอร์ชนิดอื่นๆ จัดเป็น Gold Standard สำหรับการกำจัดขนที่ FDA ของไทยและอเมริกา รับรองผล

ทำไม Long Pulse Nd:YAG Laser (Gentle YaG)จึงกำจัดขนได้ดีที่สุด

– เพราะเป็นเลเซอร์ที่มีความยาวช่วงคลื่นสูงสุด คือ 1064 nm จึงเหมาะกับทุกสภาพสีผิว ซึ่งแตกต่างจาก Ruby Laser,Alexandriteหรือ Diode Laser หรือ IPL ที่ไม่เหมาะกับคนสีผิวคล้ำหรือผิวเอเชีย เพราะจะเกิดรอยไหม้ รอยดำหลังทำไ้ด้ง่าย แต่ช่วงคลื่น 1064 nm จะไม่เกิดผลดังกล่าว พลังงานช่วงคลื่น 1064 nm จะลงไปยังผิวได้ลึกสุดเมื่อเทียบกับเลเซอร์ยี่ห้ออื่นๆ  จึงสามารถเผาผลาญและทำลายรากขนซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดของเส้นขนได้ดีที่สุด  เพราะมีความโดดเด่น  ตรงที่เครื่องจะปล่อยพลังงานได้สูงถึง 600J/ตารางเซนติเมตร ขณะที่ยี่ห้ออื่นๆ ปรับได้มากสุดเพียงแค่ 100 J/ตารางเซนติเมตร นอกจากนี้ Gentle YAG ยังมีหัวยิงหลายขนาด เพื่อให้เลือกในการกำจัดขนตามส่วนต่างๆ ของร่างกายได้อย่างมีเหมาะสมและมีประสิทธิภาพ มี ระบบป้องกันผิวชั้นบนที่ดี โดยใช้ระบบการพ่นความเย็นแบบละเอียดจากหัวเลเซอร์( DCD dynamic cooling device ซึ่งเป็นสิทธิบัตรของบริษัทcandela USA) ซึ่งเป็นระบบพ่นสเปรย์ให้ความเย็นก่อนการยิงเลเซอร์ จึงไม่เกิดปัญหาผิวไหม้หลังจากการยิงเลเซอร์ 
Gentle Yag Pro  ต่างจาก Gentle Yag รุ่นเดิมอย่างไร
-Gentle Yag Pro  คือเลเซอร์กำจัดขนรุ่นล่าสุด ที่พัฒนามาจาก Gentle Yag รุ่นก่อน ผลิตและจำหน่ายโดย บริษัทเดียวกันคือ บริษัท Candela จึงมีคุณสมบัติเหมือนกับ Gentle Yag แบบเดิมทุกประการ แต่ปรับปรุงรายละเอียด ข้อยุ่งยากในเรื่องการใช้งานให้เหมาะสมและสะดวกมากขึ้น ปรับเปลี่ยนพลังงานและหัวยิงที่ใหญ่กว่า จึงให้พลังงานได้ลึกกว่า ยิงได้ไวกว่า ใช้งานสะดวกขึ้น ปรับเปลี่ยนโหมดการทำงานได้ง่ายขึ้น พลังงานที่ยิงแต่ละครั้งคงที่มากขึ้น มีการปรับลักษณะลำแสงให้สม่ำเสมอ ทำให้เจ็บน้อยลง กว่า Gentle YaG รุ่นเดิม

GentleYAG®นอกจากจะนำมากำจัดขนแล้ว ยังสามารถรักษาอะไรได้บ้าง?

องค์การอาหารและยา แห่งประเทศสหรัฐอเมริกา (US FDA) ให้การรับรองว่า GentleYAG นอกจากจะนำมากำจัดขนถาวรแล้ว ยังสามารถนำทำการรักษา
1. ริ้วรอยเหี่ยวย่น (Wrinkles
2. ยกกระชับหน้า (Tightening)
3. กระชับรูขุมขน (Large pores)
4. กำจัดขนคุด(Keratosis Pilaris)
5. รักษาเส้นเลือดขอด (Leg Vein) ที่มีขนาดเล็กกว่า 2.5 มม. ตามใบหน้าและร่างกาย
6. ขอบตาคล้ำจากเส้นเลือดดำ(vein)

GentleYAG® ช่วยยกระชับหน้าได้เทียบเท่า Thermage แต่ราคาถูกกว่ามาก
– ได้มีการวิจัย โดย Dr. Mark Taylor แพทย์ผิวหนังจากประเทศสหรัฐอเมริกาในปี 2005 เปรียบเทียบผลการรักษา ระหว่าง การลดริ้วรอยและยกกระชับผิวหน้าด้วย Gentle YAG เทียบกับThermage พบว่า Gentle YAG สามารถลดริ้วรอยและยกกระชับผิวหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพและได้ผลเป็นที่น่าพอใจใกล้เคียงหรือดีกว่าเล็กน้อย เมื่อเทียบกับหน้าอีกด้านที่ใช้ Thermage รักษาในผู้ป่วยที่เข้าร่วมการวิจัย สำคัญราคาถูกกว่าการทำ Thermage หลายสิบเท่า

ขั้นตอนการกำจัดขนด้วยเลเซอร์

การเตรียมตัวก่อนกำจัดขน
– กำจัดขนด้วยตนเองไม่ว่าจะเป็นวิธีการโกน การถอน ทาครีม ใช้แว็กซ์ แล้วปล่อยให้ขนขึ้นประมาณ 2-3 มม.ไม่สั้นเกินไป เดี๋ยวจะไม่ได้ผล เพราะเลเซอร์ต้องอาศัยเส้นขน นำพลังงานเลเซอร์ไปที่ต่อมขน แต่ถ้าปล่อยให้ยาวเกินไป อาจจะทำให้ช่วงที่ทำ ขนจะไหม้และหดตัวไปลวกผิวหนังข้างเคียงได้
ระยะเวลาและความถี่ในการทำ
– ระยะเวลาขึ้นอยู่กับพื้นที่หรือบริเวณที่ทำ ปกติขนจะหลุดออกทันทีหลังทำ หรืออาจจะใช้เวลา 1-2 อาทิตย์ ควรจะซ้ำอีกภายใน 4– 8 สัปดาห์ หลังการยิงเลเซอร์แต่ละครั้ง เส้นขนจะมีขนาดเล็กลงและลดจำนวนลงเรื่อยๆ จนหมดไปในที่สุด
ทำไมถึงกำจัดได้ถาวร
– เพราะเลเซอร์จะทำให้รบกวนการเจริญเติบโตของเส้นขน  เส้นขนอาจกลับมางอกใหม่แต่เส้นขนจะบางลง เส้นเล็กลง และงอกช้าลงมาก จนจะค่อยๆ บางลงและหมดไปในที่สุด ทำซ้ำ 4-5 ครั้ง พบว่าเส้นขนจะไม่กลับมางอกใหม่ได้เป็นปีๆ
การดูแลหลังกำจัดขน
หลังการรักษาผิวหนังบริเวณที่ทำจะมีอาการบวมแดงเล็กน้อย โดยเฉพาะบริเวณรอบรูขุมขน อาการดังกล่าวจะหายไปเองเพียงชั่วข้ามคืน เพราะเป็นผลข้างเคียงชั่วคราวเท่านั้น ควรดูแลดังนี้
1.ใช้น้ำแข็งหรือถุงเย็นประคบบ่อย ๆ ในวันที่ทำเพื่อลดอาการบวม
2. ไม่ควรใช้น้ำยาฆ่าเชื้อทำความสะอาดบริเวณกำจัดขนถาวร
3. งดใช้เครื่องสำอางบริเวณที่กำจัดขน ประมาณ 1 – 2 วัน
4. หลีกเลี่ยงการโดนแสงแดด ประมาณ 1 เดือน
5. หลีกเลี่ยงการว่ายน้ำในสระน้ำหรือในทะเล ประมาณ 3 วัน

Posted on

กำจัดขนถาวร (Hair removal) มีหลายวิธี เลือกแบบไหน ไม่เจ็บ ปลอดภัย อยู่ได้นาน

กำจัดขนถาวรมีกี่วิธี

ขน เป็นสิ่งที่หลายๆ คนไม่ต้องการให้มี ทำให้มีวิธีการกำจัดขน ตั้งแต่โบราณกาลมาแล้ว ซึ่งวิธีการดั้งเดิม ได้แก่ การถอนขน การแวกซ์ขน การโกนขน การโกรกสีขน แต่ก็ไม่ถาวรในเวลาไม่เกิน 1 อาทิตย์ก็จะมีขนงอกมาได้อีก ซึ่งเราจัดอยู่ในการกำจัดขนชั่วคราว การกำจัดขนที่เข้าข่ายกำจัดขนถาวรหรือกึ่งถาวร วิธีการกำจัดขนในปัจจุบัน มีอยู่ไม่กี่วิธีที่ได้ผล แบ่งตามความสามารถในการกำจัดขนโดยดูจำนวนขนที่งอกใหม่ต่อจำนวนเส้นขนเดิม จากได้ผลน้อยสุดไปมากสุด ได้ดังนี้
1. การกำจัดขนด้วยวิธีจี้ด้วยไฟฟ้า ที่เรียกว่า Epilations  คือ การปล่อยคลื่น microwave ไปตามแนวเส้นขน เพื่อทำลายเซลล์สร้างขน ทีละเส้น โดยมีขั้นตอนดังนี้
1. ใช้เครื่องมือ ที่เรียกว่า Epiltron ซึ่งมีลักษณะเป็นครีม หนีบกับเส้นขนทีละเส้น แล้วปล่อยคลื่น mirowave ช่วงสั้น
2. พลังงานที่กักเก็บไว้ ได้แปรสภาพเป็นพลังงานความร้อน ทำให้ เซลล์ขน ถูกทำลาย
3. หลังจากนั้น วงจรในการเติบโตของเส้นขน จะหยุดชะงัก และวงจรการสร้างขนใหม่ถูกรบกวน ทำให้ขนไม่งอกขึ้นมาใหม่ได้
วิธีนี้มักจะเจอในร้านเสริมสวยสมัยก่อน ซึ่งค่อนข้างเสียเวลา เนื่องจากต้องใช้ครีมคีบขนทีละเส้น ซึ่งเสียเวลาค่อนข้างมาก ปัจจุบันไม่เป็นที่นิม เพราะเจ็บด้วย

 2. การกำจัดขนด้วยเครื่อง IPL  เทคนิคในการกำจัดขนด้วย IPL ก็คือ การปล่อยคลื่นความถี่ของแสง เช่น 765 nm ซึ่งช่วงคลื่นดังกล่าวจะไปจับเฉพาะสีดำของแกนผม และจะไปปล่อยพลังงานและทำลายเซลล์ที่ทำให้ขนเจริญเติบโต( germinated cells) บริเวณกระเปาะผม ทำให้ไม่สามารถทำให้ขนใหม่เกิดได้ โดยช่วงแรกๆ จะเห็นว่าขนจะขึ้นช้าลง เส้นเล็กลง แล้วค่อยๆ ลดลง แต่ได้ผลแค่ไหน ก็ขึ้นอยู่กับความหนาแน่นของขนแต่ละที่ โดยคำนึงถึง ขนาด สีขน และความลึกของรากขน

– ข้อดีในการกำจัดขนด้วยวิธีนี้ ก็คือเจ็บน้อยกว่าการจี้ด้วยไฟฟ้า ในข้อที่ 1 ใช้เวลาทำน้อยกว่า แบบแรก
–ข้อเสีย : จะได้ผลเฉพาะขนที่เส้นใหญ่ สีดำเข้ม ไม่หนามาก  และไม่เหมาะกับคนสีผิวเข้ม เพราะอาจจะเกิดรอยดำ หรือรอยไหม้ได้ง่าย และต้องทำหลายครั้ง และขน ก็ไม่หมด 100%

3. การกำจัดขนถาวรด้วยเลเซอร์  เป็นการกำจัดขนถาวร ที่ถือว่าเป็นที่นิยมในปัจจุบัน เพราะได้ผลดีสุด เห็นผลทันทีหลังทำ ปกติมักจะทำต่อเนื่องทุกเดือน ประมาณ 3-5 ครั้งแล้วแต่บริเวณ และขนดกดำมากน้อยแค่ไหน และอยู่ได้นานเป็นปี
ลเซอร์ที่ใช้ก็มีหลายรุ่น เช่น Alexandrite laser 755 nm, Ruby laser 694 nm ,Diode laser Diode 800-810 nm, 940 nm, 1,064-1,350 nm , Long Pulse Nd:YAG Laser 1064 nm (Gentle YAG,Gentle YAG MAX PRO ),Q-Switched Nd:YAG  1064 nm (เช่น Medlilte C-6 ,Revlite Laser ) ซึ่งเลเซอร์ 2 ชนิดหลัง ถือว่าเป็นเลเซอร์ที่กำจัดขนได้ดีสุดในปัจจุบัน โดยพบว่า Long Pulse Nd:YAG Laser (Gentle YAG) เหมาะกับขนเส้นใหญ่ สีดำ เช่น หนวด เครา ขนรักแร้ ขนหน้าแข้ง ฯลฯ ส่วน Q-Switched Nd:YAG (Revlite laser) 1064 nm เหมาะกับขนอ่อน สีไม่เข้มมากนัก เช่น ขนอ่อนบริเวณใบหน้า
แต่ต้องเข้าใจก่อนว่า การกำจัดขนแม้จะกำจัดได้ 100% แต่ไม่ถาวร เพียงชะลอการงอกใหม่ของเส้นขน ได้ไปเป็นปีๆ เท่านั้น