ไขมัน ส่วนเกิน ที่ไม่ต้องการ
ไขมันส่วนเกิน คือ การสะสมของไขมัน ในจุดที่ไม่พึงประสงค์ เช่น แก้ม คาง ต้นแขน ต้นขา หน้าท้อง เอว สะโพก พุง ฯลฯ ย่อมทำให้ขาดความมั่นใจ ในการที่จะโชว์สรีระต่อหน้าคนอื่นๆ แล้วยังพบว่า ถ้ามากเกินไป ก็ทำให้อ้วน ซึ่งอาจจะทำให้เสี่ยงต่อการเกิดโรคต่างๆ ภายหลังได้
– การสลายไขมันส่วนเกิน ด้วยการคุมอาหาร ลดน้ำหนัก ออกกำลังกาย อาจจะเป็นเรื่องยาก สำหรับบางคน และอาจจะต้องใช้เวลานาน จนตบะแตกได้ ดังนั้น จึงหาตัวช่วยอื่นๆ มาสลายไขมันให้ออกไปก่อนแล้ว พอให้มีกำลังใจ ในการควบคุมและป้องกันไขมันมิให้กลับมาใหม่ มาดูการสลายไขมันในปัจจุบัน มีวิธีไหนบ้าง
สลายไขมันด้วยการทำศัลยกรรม
ดูดไขมัน (Liposuction ): เป็น การกำจัดไขมันออกจากร่างกายที่ได้ผลดีทีสุด เร็วสุด แต่ก็มีผลข้างเคียงมากสุด ที่ทำให้คนจำนวนมากยังขยาดไม่อยากทำ อันแรก ก็คือเจ็บ มีแผลใหญ่ต้องเปิดผิวหนัง หลังทำต้องพักฟื้น ต้องใช้ยาชาหรือวางยาสลบ และนอกจากนั้น ทำเสร็จแล้วก็ยังทิ้งริ้วรอยไขมันเป็นคลื่นๆไว้เต็มไปหมด ดูไม่สวยงาม จะใส่บิกีนี่โชว์หุ่นก็ยังไม่ได้ แล้วก็ยังเสี่ยงต่ออันตราย หรือผลข้างเคียงหลังการผ่าตัด ที่มีข่าวให้ปรากฏกันบ่อยๆ
สลายไขมันด้วยเลเซอร์ (Laser Lipolysis) : หลักการ ก็โดยสอดท่อเข้าไปที่ผิวหนัง ปลายท่อจะปล่อยแสงเลเซอร์ยิงใส่เซลล์ไขมันที่ต้องการสลาย โดนผ่านสายนำเลเซอร์เส้นเล็กๆประมาณ 1 มิลลิเมตร เพื่อให้เซลล์ไขมันที่ต้องการรักษา ถูกสลายจนกลายเป็นน้ำมันทันที ไขมันที่สลายแล้วส่วนหนึ่งจะไหลออกมาทางรูเข็มที่เป็นทางเข้าของสายเลเซอร์ ส่วนที่เหลือจะค่อยๆถูกขับออกจากร่างกายทางระบบน้ำเหลือง เป็นวิธีที่ได้ผลรองจากการทำ Liposuction แต่ก็มีผลลัพธ์หลายอย่างที่ทำให้คนจำนวนมากยังขยาดไม่อยากทำซ้ำเช่นกัน เพราะหลังทำก็เจ็บปวด ต้องพันสายรัดแน่น มีน้ำเหลืองซึมตามรูเข็ม เกิดรอยช้ำระบม อาจจะเกิดรอยไหม้จากเลเซอร์ และยังทำให้ไขมันที่หลงเหลือมีลักษณะเป็นก้อนๆ ไม่สม่ำเสมอ
สลายไขมันด้วยอัลตราซาวด์ ( VASER) โดยแพทย์จะสอดท่อเข้าไปผิวหนังตรงไขมันเฉพาะจุด แล้วจะปล่อยพลังงาน Ultrasound ในระดับความถี่ที่จะไปทำลายเฉพาะเจาะจงแต่กับเซลล์ไขมันเท่านั้น ซึ่งจะทำให้ก้อนไขมันก็จะกลายเป็นของเหลว วิธีนี้ค่อนข้างเป็นที่นิยม เพราะทำให้เนื้อเยื่อข้างเคียงโดยเฉพาะเส้นเลือดและเซลล์ประสาทบริเวณรอบๆก้อนไขมัน เสียหายหรือถ้าจะถูกกระทบกระเทือนบ้างก็น้อยกว่า Liposuction , Laser Lipolysis ทำให้ช่วยลดการเกิดรอยบวมช้ำหลังการผ่าตัด และผลการรักษาได้ผลดีกว่า คนไข้ฟื้นตัวได้เร็วกว่าการกำจัดไขมันทั่วไป แต่หลังทำก็ยังเจ็บปวด ต้องพันสายรัด และยังทำให้ไขมันที่หลงเหลือมีลักษณะเป็นก้อนๆ ไม่สม่ำเสมอ เช่นกัน
สลายไขมันด้วยการฉีด Mesofat : วิธีการกำจัดไขมันส่วนเกินด้วยการฉีด แพทย์จะใช้เข็มฉีดยา ฉีดส่งยา ซึ่งมีสรรพคุณสลายไขมันที่สะสมในชั้นไขมัน โดยใช้กลุ่มยาหลายๆ ตัว เช่น Phosphatidylcholine,Deoxycholate,L-carnitine, Vitamin B complex ,Amino acids,Minerals ฯลฯ โดยปริมาณที่ฉีด ก็แล้วแต่บริเวณที่ต้องการ เหมาะกับการทำในบริเวณที่เล็กๆ จะได้ผลดี เช่น แก้ม คาง ต้นแขน โดยไขมันจะค่อยๆ สลาย แม้จะมีผลข้างเคียงน้อยสุด แต่ก็ได้ผลช้าและต้องทำหลายครั้ง กรณีที่ต้องการกำจัดไขมันในบริเวณกว้างๆ เช่น พุง ต้นขา อาจจะต้องแทงเข็มหลายครั้งด้วยยาปริมาณมาก ทำให้คนไข้บางคน ยอมแพ้ หรือไม่มีเวลา
สลายไขมัน แบบไม่ต้องศัลยกรรม ให้เจ็บตัว
- สลายไขมันด้วยความเย็น ( Coolsculpting) : จัดเป็นเครื่องมือสลายไขมันความเย็น แบรนด์อเมริกา โดยไม่ต้องทำศัลยกรรม เครื่องแรก ที่เป็น Non-Invasive Lipolysis และได้รับการรับรองว่าได้ผลจริง (Subcutaneous Fat Reduction) FDA USA เมื่อมี ค.ศ. 2010 จากด้วยการสลายไขมันโดยเทคนิคทำให้เซลล์ไขมันตาย (fat apoptosis )โดยเครื่องมือจะส่ง พลังงานคลื่นความเย็น – 11 องศาเซลเซียส เข้าสู่ชั้นไขมันโดยไม่ทำลายเซลล์และเนื้อเยื่อส่วนอื่นๆ ซึ่งเป็นที่ฮือฮากันในหมู่ดาราฮอลลีวู้ด และโด่งดังอย่างมากในยุโรป และอเมริกา เมื่อมี ค.ศ 2000 เพียง 35 นาทีต่อจุดหรือต่อการหนีบ ชั้นไขมันจะยุบตัวลง 1-2 นิ้ว หรือ 20-25% ใน 2-3 เดือน ซึ่งได้ผลพอๆ กับการทำ VASER เพียงแต่ต้องรอเวลานานกว่าเท่านั้น สามารถจะทำซ้ำได้อีก ทุก 2-3 เดือน เพื่อการหวังผลที่พอใจ เป็นเครื่องมือสลายไขมันที่ได้รับความนิยมอันดับ 1 สูงสุดทั่วโลก และมีผลงานวิจัยตีพิมพ์สูงสุด มากกว่า 6 ล้านคนทั่วโลก ส่วนเครื่องสลายไขมันด้วยความเย็นยี่ห้ออื่นๆ ที่เลียนแบบ ไม่ว่าจะเกาหลี หรือประเทศทางยุโรป ยังไม่มีรายงานรับรองผลชัดเจนทั่วโลก
2. การสลายไขมันด้วยความร้อน ( Sculpture ) เป็นเครื่องสลายไขมัน แบบไม่ต้องศัลยกรรมตัวที่ 2 ที่ได้รับการรับรองผลจากอเมริกา FDA USA เมื่อ ปี ค.ศ 2017 โดยใช้ลำแสงเลเซอร์ ที่มีความยาวคลื่นช่วง 1060nm ซึ่งทำให้เกิดความร้อนที่อุณหภูมิ42-47 องศาเซลเซียล บริเวณที่มีเซลล์ไขมัน จึงส่งผลให้เซลล์ไขมันช็อก และค่อยๆตายไปโดยไม่ทำลายอวัยวะข้างเคียง โดยเซลล์ไขมันที่ถูกทำลายนี้จะถูกขับออกจากร่างกายตามช่องทางการขับของเสียต่างๆ ซึ่งร่างกายจะค่อยๆสลายไขมันที่โดนทำลายออก ซึ่งหลังจากทำการสลายไขมันโดย SculpSure แล้ว จะเห็นผลครั้งแรกในระยะเวลา 6 สัปดาห์และจะเห็นผลชัดเจนเมื่อเวลาผ่านไป 12 สัปดาห์ ซึ่งแต่ละครั้งที่ทำการสลายไขมันโดย SculpSure จะสามารถกำจัดเซลล์ไขมันได้ถึง 24%” ตัวนี้ไม่ค่อยได้รับความนิยมมากนัก อาจจะเพราะมีผลงานวิจัยน้อย และพลังงานความร้อนจากเลเซอร์ ทำให้คนไม่ค่อยนิยมอยู่กับความร้อนได้ในเวลานาน ๆ
ส่วนตัวอื่นๆ ที่มีในท้องตลาด ไม่ว่าจะเป็น Velashape ,Exilis Elite, Thermage body,Ulthera กลุ่มนี้ไม่มีรายงานรับรองผลจาก US FDA ว่าสลายไขมันได้ แต่รับรองผลว่าช่วยเรื่องกระชับสัดส่วนได้ ( Circumference Reduction not Fat Reduction )