Posted on

รอยหลุมสิว ริ้วรอย รูขุมขนกว้าง อยากหายไว หน้าใส หน้าไม่แดงหลังทำ ไม่ต้องพักฟื้น Fractional RF ช่วยได้

Fractional RF คืออะไร

Fractional RF  เป็นเครื่องมือที่พัฒนามาเพื่อใช้ในการรักษารอยหลุมสิว ริ้วรอย รูขุมขนกว้าง เป็นอีกวิวัฒนาการด้านความงาม ที่ใช้เทคโนโลยี่ ของการใช้พลังงานคลื่นวิทยุ RF ( Radio Frequency) มาใช้ในการรักษาผิวพรรณ ตัวคลื่น RF จะปล่อยพลังงานออกมา เพื่อกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ ให้กลับมา โดยพลังงานตัวนี้จะไปกระตุ้นองค์ประกอบสำคัญของผิวทั้ง 3 ชนิด ในคราวเดียวกัน คือ กระตุ้นการสร้าง Collagen,Elastin และ Hyaluronic acid  ไปพร้อมๆกัน  ซึ่งทั้งสามตัว เป็นโปรตีนซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญของชั้นผิวหนัง เมื่อคอลลาเจน ฟื้นฟู ริ้วรอยก็จะลดน้อยลง ผิวมีความตึงกระชับมากขึ้น ผิวจึงเต่งตึง ฟูขึ้น และอีลาสตินที่มากขึ้นก็ไปทำให้ผิวมีความยืดหยุ่นเหมือนผิวเด็ก หรือที่เรียกว่าผิวเด้ง และที่ขาดไม่ได้เลยก็คือสารอุ้มน้ำ (Hyaluronic acid  ) จะคอยพยุงคอลลาเจนและอีลาสติน ให้โดดเด่นเห็นชัดเจนบนผิวภายนอก  ดังนั้น การทำ Fractional RF Needle (FRM) จึงเป็นวิธีการที่ช่วยกระตุ้น และฟื้นฟู ใหม่ แบบ เทคโนโลยี รีมิกซ์ใหม่ 3 in 1  คือทำครั้งเดียว ได้ทั้งรอยหลุมตื้นขึ้น รูขุมขนกระชับขึ้น ริ้วรอยลดลง หน้ากระชับ เต่งตึง  อวบอิ่ม มีน้ำมีนวล ในขณะที่เลเซอร์จะสามารถแก้ปัญหาได้เป็นอย่างๆ ไม่สามารถจะทำการแก้ไขไปพร้อมๆ กันได้

เปรียบเทียบแท่งพลังงานระหว่าง Fractional laser -Fraxel ,Fine Scan (ขวา) กับ Fractional RF ( ซ้าย)

Fractional RF ต่างจาก Fractional Laser อย่างไร

Fractional RF  เป็นการนำเอา  พลังงานคลื่นวิทยุ RF เป็นแหล่งพลังงานในการกระตุ้นคอลลาเจน สร้างเซลล์ผิวใหม่ โดยตัดแบ่งพลังงานให้เป็นแบบชิ้นเล็กๆ ที่เรียกว่า Fractional ในขณะที่ Fractional Laser (  Fraxel,Fine scan ) จะใช้พลังงานเลเซอร์ ช่วงคลื่น 1550 nm มาตัดแบ่งพลังงาน ง   โดยมีข้อแตกต่างกันตรงที่ Fractional Laser  ลักษณะพลังงานจะเป็นรูปปิรามิดคว่ำ  (Traditional fractional resurfacing )  แต่ Fractional RF  ลักษณะพลังงานจะเป็นรูปปิรามิดตั้ง (Subablative Rejuvenation ) ซึ่งข้อแตกต่างนี้ อธิบาย
1. รอยดำ : Fractional Laser มีโอกาส เกิดรอยดำ และทำให้ผิวบาง หลังทำมากกว่า Fractional RF  เพราะฐานจะกว้างด้านบน ตามรูป และ มีความร้อนตั้งแต่ปล่อยพลังงานออกมา ผ่านทะลุทะลวงเข้าไปทุกชั้นผิว จนถึงบริเวณรอยหลุม ขณะที่ Fractional RF ฐานด้านบนจะแคบ และพลังงานจะกระจายลงชั้นลึกมากกว่า โอกาสรเกิดรอยดำหลังทำไม่มี
2. การกระตุ้นคอลลาเจน : Fractional RF สามารถกระตุ้นเซลล์ผิวใหม่ ให้รอยหลุมกลับมาเต็มได้ดีกว่า เร็วกว่า Fractional laser เนื่องจากฐานปิรามิดคว่ำ ฐานกว้างกว่า จึงทำให้ปล่อยพลังงานได้กว้างกว่า และมากกว่า Fractional laser

Fractional RF มี 2 แบบ ทำงานแตกต่างกันอย่างไร

  1. Fractional RF Micro Needling  Technology ( F.R.M)  – – เป็น Fractional RF แบบที่ใช้เข็ม นาโนขนาดเล็กมาก  แทงทะลุผ่านชั้นผิวหนังกำพร้า เข้าไปที่ชั้นหนังแท้  ตัวเข็มนาโน จะทำหน้าที่คล้ายๆ Dermaroller ในสมัยเมื่อหลายปีก่อน โดยทำให้เกิด Stamping effect ไปกระตุ้น Growth facter และยังทำลายพังผืดที่ยึดเกาะรอยหลุม หรือรูขุมขนกว้างหลังจากเข็มผ่านเข้าไปยังบริเวณที่ต้องการแล้ว จะมีการปลดปล่อยคลื่น  RF แบบ Monopolar RF   ที่ระดับ 2MHz เป็นระยะๆ ในอุณหภูมิคงที่  โดยพลังงานตัวนี้จะไปกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ข้อดีก็คือ หลังทำ หน้าจะเป็นสีชมพูนิดๆ วันรุ่งขึ้นก็หาย สามารถไปทำงาานได้ปกติ และ การที่หน้าใส ริ้วรอยลดลง เกิดรอยเข็มที่แทงผ่านทะลุผิวหนัง จะทำให้ผิวหนังเกิดการบาดเจ็บเล็กๆ ( mild inflammation ) หลังจากนั้นจะเกิดขบวนการซ่อมแซมผิว มีเม็ดเลือดขาวมาซ่อมแซม จึงทำให้เม็ดสี ริ้วรอย เลือนหายได้

2. Fractional RF Non- Needle Technology (E-Matrix) –  เป็น Fractional RF แบบไม่มีเข็ม โดยจะมีหัวที่วางนาบไปกับผิวหน้า แล้วทำการปล่อยพลังงาน RF  ชนิด Bipolar RF   กระแส RF จะลงไปทำให้เกิดความร้อนใต้ผิวที่ลึกลงไป โดยที่บริเวณผิวชั้นบน จะทำให้เกิดการลอกผิวด้านบนออก ในขณะที่ความร้อนบางส่วนจะลงไปบริเวณชั้นล่าง เพื่อกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนใต้ผิวหนัง หลังทำ ผลลัพธ์จะพบว่าไม่ลอกผิว (Non-Ablative effects ) 30%  และลอกผิว (Ablative effects  ) 70%  จึงทำให้เม็ดสีจางลง  ดังนั้นจึงเหมาะกับคนที่กลัวเข็ม ผิวหน้ามีรอยด่างดำ หลุมสิวไม่มากนัก ผิวหน้าหย่อนคล้อยบ้าง ไม่มากนัก รูขุมขนกว้าง หลังทำ หน้าจะแดง และเป็นตาข่าย คล้ายๆ กับการทำ Fraxel ต้องพักฟื้น 3-5 วัน รอให้รอยดำลอกออก ผิวหน้าจะกระจ่างใส ไร้ริ้วรอย รอยหลุมตื้นขึ้น รูขุมขนกระชับขึ้น แต่วิธีนี้ไม่เหมาะกับคนทีมีผิวคล้ำ เกิดรอยดำได้ง่าย เพราะอาจจะทำให้เกิดรอยดำจางลงได้ช้ากว่าคนผิวขาว

ขั้นตอนในการทำ Fractional RF  
1. ควรหลีกเลี่ยงแสงแดดจัดก่อนมาทำการรักษาอย่างน้อย 1 สัปดาห์ เพราะหน้าที่โดนยูวี ผิวหน้าจะอ่อนแอจะไวต่อหัตถการที่มีความร้อนทุกอย่าง
2. ทายาชาก่อนทำการรักษาทุกราย ประมาณ 45-60 นาที หลังเช็ดยาชาออก เช็ดด้วยอัลกอฮอล์ให้ผิวหน้าแห้ง หรืออาจจะเป่าลมเย็นให้แห้ง ในขณะที่ทำ อาจจะรู้สึกเจ็บได้บ้างบางจุด
3. หลังการรักษาอาจเกิดอาการบวมหรือแดง เจ็บเล็กน้อย อาจจะมีตุ่มน้ำหรือสะเก็ดหลังทำ (มักจะเกิดจากการทำ E-matrix) อาจมีการเปลี่ยนแปลงของเม็ดสี จะเกิดรอยแดงและรู้สึกร้อนผ่าวได้ประมาณ 1-2 ชั่วโมง และ 1-2 วันหลังทำ อาจเกิดสะเก็ดบาง ๆ แล้วลอกออกไปเอง หรือบางคนอาจจะมีสิวเห่อได้บ้าง แต่จะหายไปเองในเวลา 4-5 วัน
ข้อควรปฎิบัติหลังทำ Fractional RF
1.ควรประคบเย็นหลังทำทันที เพื่อลดปริมาณความร้อนที่เข้าสู่ผิว
2.ในช่วง 24 ชั่วโมงแรกหลังทำควรทาด้วยวาสลีนเพื่อให้ผิวชุ่มชื่นตลอดเวลา
3. สามารถล้างหน้าด้วยสบู่อ่อน
4. เมื่อผิวเริ่มหลุดลอก ปล่อยให้ลอกเองตามธรรมชาติ ไม่ควรขัดถูแรงๆ หรือทำการลอกผิวด้วยวิธีต่างๆ
5. หลังจาก 24 ชั่วโมงแรก จึงสามารถแต่งหน้าได้ตามปกติ ควรหลักเลี่ยงแสงแดดจัด ความร้อน อย่างน้อย 2 สัปดาห์ หลังการรักษาควรทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไปเป็นประจำ
6.หลีกเลี่ยงการออกกำลังกาย หรืออบซาวน่า ที่ทำให้เกิดเหงื่อมากกว่าปกติ
7.งดหรือเลี่ยงอาหารที่มีรสจัดประมาณ 1 สัปดาห์
8.หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีอัลกอฮอล์ประมาณ 1 สัปดาห์ เพื่อมิให้ผิวหน้าแดงมากขึ้น และเพื่อให้ผิวได้ฟื้นฟูอย่างเต็มที่
จำนวนครั้งในการรักษ
ควรห่างกัน 3-4 สัปดาห์ จำนวนครั้งในการทำ ขึ้นอยู่กับชนิดของรอยหลุม ความรุนแรง ปกติจะประมาณ 5-10 ครั้ง รอยหลุมจะดีขึนได้มากกว่า 70%
ข้อห้ามในการทำ Fractional RF  
1. ผู้ที่ใส่เครื่องกระตุ้นหัวใจ
2.ผู้ที่ใส่เหล็กดามกระดูก
3. มะเร็งที่ผิวหนัง
4. ผู้ที่ตั้งครรภ์ และอยู่ในระหว่างการให้นมบุตร
5. โรคภูมิคุ้มกันปกพร่อง โรคติดเชื้อ โรคเบาหวานที่ควบคุมอาการไม่ได้
6. มีแผลเปิดที่ผิวหนัง ผิวแห้งแตก
7. ความผิดปกติในการแข็งตัวของเลือด ได้รับยาละลายลิ่มเลือด
8. ผู้ที่ผ่าตัดดึงหน้า หรือทำตามาไม่น้อยกว่า 1 ปี
9. ผู้ทีทำการกรอผิวด้วยเกร็ดอัญมณี ลอกหน้าด้วยสารเคมี หรือลอกหน้าด้วยวิธีอื่น ๆ มาน้อยกว่า 3 เดือน

ในความเห็นของผู้เขียน Fractional RF   จัดเป็นอีกแนวทางหนึ่งในการแก้ปัญหาผิวพรรณ ได้อย่างเบ็ดเสร็จ ในครั้งเดียว ไม่ว่าจะเรื่องผิวหน้าไม่เรียบเนียน รุขุมขนกว้าง รอยด่างดำ หน้าหย่อนคล้อยไม่กระชับ แถมไม่มีผลข้างเคียงหลังทำเหมือนการทำเลเซอร์แบบเดิมๆ ในอนาคตมีแพทย์หลายท่านคาดว่า Fractional RF น่าจะเป็นเครื่องมือชั้นเยี่ยม หรือเรียกว่าGold Standard ในการรักษาปัญหาผิวพรรณได้ดีเครื่องหนึ่งทีเดียว โดยเฉพาะเรื่องรอยหลุมสิว และรูขุมขนกว้าง

Posted on 2 Comments

รูขุมขนกว้าง (Large Pores) ทำอย่างไร ให้รูขุมขนกระชับ ปรับผิวให้เรียบเนียน

สาเหตุของรูขุมขนกว้าง

รูขุมขน คือรูของผิวหนังที่ให้ขนงอกออกมา ปกติท่อที่เปิดตามผิวพรรณทั่วไป จะมี 2 ประเภทใหญ่ๆ ก็คือ ท่อเปิดต่อมเหงื่อ และท่อเปิดรูขุมขน
รูขุมขนกว้าง จะถือว่าเป็นปัญหาหรือไม่ใช่ปัญหาก็ได้ เนื่องจากไม่ใช่โรคทางผิวหนังและก่อให้เกิดอันตรายแต่อย่างใด ยกเว้นเรื่องความสวยงาม เพราะคนที่มีรูขุมขนกว้าง มักจะมีหน้ามัน และมีโอกาสมีสิวเสี้ยนได้ง่ายกว่าคนที่ไม่มีปัญหาดังกล่าว ซึ่งรูขุมขน จะมีขนาดโตมากน้อยแตกต่างกันในแต่ละคน ขึ้นอยู่กับ
1. อายุ เมื่ออายุเกิน 20 ปีขึ้นไปรูขุมขนมีโอกาสจะโตมากขึ้นตามธรรมชาติ
2. ลักษณะผิว ในกรณีที่มีผิวหน้ามันมาก โอกาสจะมีรูขุมขนกว้างมากขึ้น จะเกิดขึ้นเร็วและโตกว่าคนที่มีผิวธรรมดาหรือผิวแห้ง
แนวทางการป้องกันรูขุมขนกว้าง
พยายามลดความมันบนใบหน้า เพื่อเป็นการป้องกัน มีได้หลายๆ วิธีดังนี้
1. การล้างหน้าบ่อยๆ
2 เลือกผลิตภัณฑ์ล้างหน้าสำหรับผิวมัน ซึ่งมักจะได้แก่ สบู่ล้างหน้า หรือโฟมล้างหน้า
3 . การทาโลชั่นลดความมัน หรือเจลควบคุมความมัน
4. การรับประทานยากลุ่มเรตินอยด์ กรณีที่ผิวหน้ามันมากๆ และได้ปฏิบัติในข้อ 1.1-1.3 แล้วไม่ดีขึ้น ได้แก่ยา roaccutane,Isotretinoin แต่ปัจจุบันไม่ค่อยแนะนำเพราะมีผลต่อตับ ระดับไขมันในเลือด และทารกในครรภ์ได้

การรักษารูขุมขนกว้าง

1 การทำไอออนโต โดยใช้ยากลุ่มวิตามินเอ,hyaluronic acid,aloe vera
2 การทาครีมที่ผสมด้วยกรดผลไม้อ่อนๆ เช่น AHA,BHA เป็นประจำ
3 การกรอผิวหน้าด้วยเกร็ดอัญมณี (Microdermabrasion)
4 การกรอผิวหน้าด้วย Laser ( Laser Resufacement)
5 การทำ Photorejuvenation ด้วยเครื่อง IPL (Intense Pulse Light)
6 การทำ Skin Needling: จัดเป็นอีกเทคนิคในการรักษารูขุมขนกว้าง โดยเริ่มมีการนำมารักษาในเมืองไทย ประมาณ ค.ศ.2006 โดยพบได้ผลดีมากกว่าแบบเดิมๆ หลักการทำโดยการใช้ลูกกลิ้งที่มีเข็มเล็กๆ ติดที่ปลาย กลิ้งไปบนใบหน้า ทำให้เกิดรูเล็กๆ จำนวนมากในชั้นหนังแท้ แล้วให้ร่างกายทำการซ่อมแซมเนื้อเยื่อเอง ทั้งการสร้างคอลลาเจนใหม่ และการเรียงตัวของเซลล์ จึงทำให้ผิวหน้ากลับมาเรียบเนียนดีขึ้นได้ เพียงแต่ปัจจุบัน ไม่ค่อยมีให้บริการ เนื่องจากอย. ไม่อนุญาตให้ดำเนินการได้
การรักษารูขุมขนกว้าง ตั้งแต่วิธีที่ 1-6  ปัจจุบัน ถือว่าได้ผลน้อย และต้องทำหลายครั้ง ยังไม่ถือว่าเป็นการรักษาที่ได้มาตรฐานสากล

7 Fractional Laser : ถือเป็นการรักษารูขุมขนกว้าง ด้วยเลเซอร์ กลุ่ม Non-ablative Laser โดยเริ่มมีการนำมารักษาปัญหาเรื่องรูขุมขนกว้าง ในปี ค.ศ. 2004 และได้การรับรองจาก FDA จากอเมริกา ในปี ค.ศ. 2006 ว่านอกจากจะสามารถแก้ไขปัญหาริ้วรอย ฝ้า กระ ตลอดจนรอยหลุมสิว ผิวหน้าไม่เรียบ ให้มีสภาพกลับมาดีขึ้น อย่างได้ผลชัดเจน แล้ว ยังใช้รักษารูขุมขนกว้าง ให้กระชับได้อีก โดยใช้หลักการรักษาแบบนี้ จะลอกผิวด้วยเลเซอร์ด้วยเทคนิค Micro-Laser Peel จึงเลือกระดับความลึกของการลอกหน้าได้ตามสภาพผิวหน้าและสีผิวของคนไข้ ตั้งแต่ 1/10มิลลิเมตร –2 มิลลิเมตร :ซึ่งถ้าใช้พลังงานต่ำ ก็ได้ผลน้อยและช้า จึงมักจะใช้พลังงานสูง เพราะได้ผลดีและเร็วแต่ผลข้างเคียง เช่น รอยดำ รอยแดง ซึ่งคนไข้ต้องยอมรับ และต้องมีการพักหน้าหลังทำ 4-5 วันและต้องเลี่ยงแดดหลังทำประมาณ 2 อาทิตย์
ส่วนเลเซอร์ที่ใช้หลักการรักษาแบบนี้ ก็ได้แก่ Fraxel,Fine Scan 1550 ซึ่งเลเซอร์ทั้งสองตัวนี้ ปัจจุบันถือว่าเป็น เลเซอร์ที่นิยมนำมารักษาเรื่องรูขุมขนกว้างมากที่สุด เพราะได้ผลดีมากกว่า 60-80% โดยเฉพาะ Fine Scan 1550 จัดเป็นเลเซอร์สำหรับผิวคนไทย หรือคนเอเซีย โดยเฉพาะ อ่านบทความเรื่อง Fine Scan 1550
8  Frctional RF-non needle(E-Matrix)   : จัด เป็นนวัตกรรมล่าสุดของปี 2012 ในการแก้ไขปัญหารูขุมขนกว้าง  เพราะถือว่าได้ผลไม่แพ้ Fractional laser  Fractional Laser เพราะนอกจากจะทำให้รูขุมขนกระชับแลัว ยังลอกผิวด้านบน จากรอยด่างดำให้เนียนใส ขึ้นได้ด้วย  แต่มีข้อจะผลข้างเคียงหลังทำมากกว่า Fractional Laser ตรงที่หลังทำ ผิวหน้าอาจจะมีรอยดำเป็นตารางๆ และต้องพักฟื้นหลังทำ 5-7 วัน เพื่อให้รอยดำลอกออก จัดเป็นการแก้ปัญหารูขุมขนกว้างที่ได้ผลไว แต่ไม่เหมาะกับคนสีผิวคล้ำ หรือต้องออกแดดบ่อยๆ