เสริมจมูกแบบไม่ต้องศัลยกรรม
การเสริมจมูก เป็นหัตถการที่นิยมทำกันมากที่สุดวิธีในแถบเอเซีย เนื่องจากโครงหน้าของชาวตะวันออก มักจะมีจมูกที่ไม่เป็นสันโด่งสวยงาม เหมือนทางตะวันตก การเสริมจมูกมีด้วยกันหลากหลายวิธีในปัจจุบัน แต่แบ่งเป็นประเภทใหญ่ๆ ได้ 2 กรรมวิธี ก็คือ
1.เสริมจมูกด้วยการทำศัลยกรรม : ซึ่งถือว่าเป็นที่นิยมของตลาด ได้ลงรายละเอียดไว้แล้ว คลิกอ่านได้
2. การเสริมจมูกแลลไม่ต้องทำศัลยกรรม บทความนี้จะนำเสนอเรื่องการเสริมจมูกโดยไม่ต้องผ่าตัดให้ทราบพอสังเขป ประกอบการตัดสินใจสำหรับท่านที่ต้องการเติมให้สวย เพิ่มให้หล่อ ดังนี้
การเสริมจมูกโดยไม่ต้องผ่าตัด เป็นการทำศัลยกรรมเสริมแต่งที่เริ่มเป็นที่นิยม ในระยะไม่นานมานี้ เหมาะสำหรับท่านที่มีสันจมูกเก่าอยู่แล้ว แต่อาจจะยังไม่ได้รูป หรือ กลัวการผ่าตัด ไม่อยากหยุดงาน หรือพักฟื้นหลังผ่าตัด หรือกังวลว่าจมูกที่เสริมไปไม่เป็นธรรมชาติ แข็ง หรือกลัวเบี้ยวเอียงในอนาคต โดยแบ่งออกได้ดังนี้
1. การฉีดสารฟิลเลอร์ ( Filler agents) เป็นที่นิยมมากในปัจจุบัน สารฟิลเลอร์ที่นำมาฉีด แนะนำให้เลือกใช้แบบไม่ถาวร (Temporary Fillers ) และเป็นสารกลุ่ม HA (Hyaluronic acid) เพราะกลุ่มนี้จะผ่านอย. ไม่พอใจ เสริมแท่ง ก็สามารถจะฉีดให้สลายไปได้ ด้วย สาร Hyaluronidase
จุดเด่นของการฉีดเสริมจมูกด้วยสาร HA :
- ไม่ต้องผ่าตัด หรือพักฟื้นหลังทำ ไม่พบอาการบวมแดง หลังฉีด สามารถไปทำงานได้ตามปกติ
- จัดแต่งรูปทรงได้ตามต้องการ ใช้เติมแต่งแก้ปัญหาจมูกเบี้ยว เอียง หรือฉีดเสริมให้โด่งขึ้น จัดแต่งรูปทรงจมูก ให้ธรรมชาติมาก ขึ้นในคนที่เสริมจมูกด้วยแท่งมาแล้ว ยังดูไม่ธรรมชาติ
- ไม่ต้องวางยาสลบ หรือฉีดยาให้นอนหลับ เพียงแค่ทายาชาหรือฉีดยาชาก่อนทำ เนื่องจากไม่เจ็บมาก ใช้เข็มขนาดปานกลาง เบอร์ 30-32
- ลักษณะจมูกดูเป็นธรรมชาติ สัมผัสได้เหมือนผิวหนังปกติ
- ไม่ต้องระวังเรื่องเบี้ยวเอียง ไม่ไหล ไม่เคลื่อนที่
- ไม่มีโอกาสแพ้ เนื่องจากไม่ได้ผลิตจากสัตว์เหมือนกลุ่มคอลลาเจน จึงไม่ต้องเทสต์ก่อนฉีด
- โอกาสติดเชื้อหลังฉีดแทบไม่มีหรือน้อยมาก
- เมื่อมีปัญหา สามารถสลายไปได้เอง ไม่ต้องผ่าตัด หรือดูดออก หรือถ้าไม่พอใจ หรือเมื่อต้องการเปลี่ยนใจไปเสริมจมูกด้วยการผ่าตัดใส่แท่งซิลิโคน หรือกระูดูกอ่อน ก็สามารถฉีดให้สลายได้ด้วยสาร Hylauronidase ภายในไม่กี่วัน การฉีดเสริมจมูกด้วยฟิลเลอร์ จะเห็นว่าตรงสันจมุกดูธรรมชาติ ไม่เป็นแท่งสูงเหมือนการเสริมด้วยแท่งซิลิโคน
จุดด้อยของการฉีดเสริมจมูกด้วยสาร HA :
- ไม่คงทนถาวร ต้องฉีดซ้ำทุก 1-2 ปี เมื่อมีการยุบลงของจมูก
- อาจพบจุดแดงๆ ช้ำเล็กๆ ตามรูเข็มฉีดยา
- ต้องมีการฉีดเติมบ่อยๆ ทำให้เปลืองค่าใช้จ่าย (โดยอยู่ระหว่าง 15,000-20,000 บาท)
- อาจจะมีผลข้างเคียงได้ ถ้ารักษาความสะอาดไม่ดี หลังฉีด อาจจะติดเชื้อได้เช่นกับการผ่าตัดเสริมแท่งจมูก
- แพทย์ที่ทำ ถ้าไม่ชำนาญ ลักษณะกายภาพของเส้นเลือดที่มาเลี้ยงจมูก อาจจะฉีดไปโดนเส้นเลือด ทำให้ปลายจมูกขาดเลือด อักเสบ หรือฟิลเลอร์อาจจะเข้าไปในเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงที่ลูกตา ทำให้เสี่ยงต่อการมองเห็นผิดปกติได้
2 . การเสริมจมูกด้วยไหมละลาย (Thread ) : การเสริมจมูกด้วยไหมละลาย จะเหมาะกับคนที่มีสันจมูกที่โด่งอยู่แล้ว เพียงแต่ต้องการปรับรูปทรงให้คมขึ้น ยกปลายจมูกให้เิชิด หรือปรับปลายจมูกให้ยื่นยาวมีหยดน้ำ เป็นอีกเทคนิคหนึ่งการเสริมจมูกที่กำลังได้รับความนิยม เพราะไหมละลาย จะทำง่ายและสะดวกกว่าการฉีดฟิลเลอร์ เพราะจะร้อยตรงไหนก็ได้ที่ต้องการ ไหมละลายที่ใช้ ควรเลือกที่ผ่าน อย. แล้ว เช่น ไหม PDO (Polydioxanone)โดยจะอยู่ได้ประมาณ 1 ปี ไหมละลายที่อยู่นานกว่านี้ ส่วนใหญ่จะยังไม่ผ่านอย.เมืองไทย
จุดเด่นของการฉีดเสริมจมูกด้วยการร้อยไหม :
- ไม่ต้องผ่าตัด หรือพักฟื้นหลังทำ ไม่พบอาการบวมแดง หลังฉีด สามารถไปทำงานได้ตามปกติ
- จัด แต่งรูปทรงได้ตามต้องการ จะร้อยไหมยกปลายจมูก ลดปีกจมูก ร่วมด้วยก็ได้
- ไม่ต้องวางยาสลบ หรือฉีดยาให้นอนหลับ เพียงแค่ทายาชาหรือฉีดยาชาก่อนทำ เนื่องจากไม่เจ็บมาก ใช้เข็มขนาดปานกลาง เบอร์ 30-32
- ลักษณะจมูกดูเป็นธรรมชาติ สัมผัสได้เหมือนผิวหนังปกติ
- ไม่ต้องระวังเรื่องเบี้ยวเอียง ไม่ไหล ไม่เคลื่อนที่
- ไม่มีโอกาสแพ้
- โอกาสติดเชื้อหลังฉีดแทบไม่มีหรือน้อยมาก
จุดด้อยของการฉีดเสริมจมูกด้วยการร้อยไหม :
- ไม่คงทนถาวร ต้องร้อยไหมซ้ำ ทุก 1-2 ปี เมื่อมีการยุบลงของจมูก
- อาจพบจุดแดงๆ ช้ำเล็กๆ ตามรูเข็มฉีดยา
- ไม่เหมาะกับคนที่แทบไม่มีดั้งเลย เพราะไม่สามารถจะเพิ่มสันให้โด่งได้ตามใจชอบ การร้อยไหม แค่ปรับสันจมูกให้คมชัดขึ้น
- อาจจะมีผลข้างเคียงได้ ถ้ารักษาความสะอาดไม่ดี หลังฉีด อาจจะติดเชื้อได้เช่นกับการผ่าตัดเสริมแท่งจมูก
3 . การเสริมจมูกด้วยการฉีดไขมัน : เป็นอีกทางเลือกหนึ่งของการเสริมจมูก เทคนิคนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นศัลยแพทย์ตกแต่ง เป็นคนทำ โดยการดูดไขมันจากร่างกายแล้วนำมาฉีดเสริมจมูก คล้ายๆ กับการฟิลเลอร์
จุดเด่นของการฉีดเสริมจมูกด้วยการฉีดไขมัน :
- ใช้ไขมันของตนเอง
- จัดแต่งรูปทรงได้ตามต้องการ
- ไม่ต้องวางยาสลบ หรือฉีดยาให้นอนหลับ เพียงแค่ทายาชาหรือฉีดยาชาก่อนทำ เนื่องจากไม่เจ็บมาก ใช้เข็มขนาดปานกลาง เบอร์ 30-32
- ลักษณะจมูกดูเป็นธรรมชาติ สัมผัสได้เหมือนผิวหนังปกติ
- ไม่ต้องระวังเรื่องเบี้ยวเอียง ไม่ไหล ไม่เคลื่อนที่
- ไม่มีโอกาสแพ้
- โอกาสติดเชื้อหลังฉีดแทบไม่มีหรือน้อยมาก
จุดด้อยของการฉีดเสริมจมูกด้วยไขมัน :
- ไม่คงทนถาวร ต้องฉีดซ้ำ ทุก 1-2 ปี เมื่อมีการยุบลงของจมูก
- อาจพบจุดแดงๆ ช้ำเล็กๆ ตามรูเข็มฉีดยา
- ต้องฉีดปริมาณที่มากกว่าปกติ เพราะไขมันจะยุบตัวได้ถึง 30-40% หลังฉีด ทำให้คาดหวังผลการรักษาไม่ได้แน่นอน
- เจ็บตัวหลายครั้ง เพราะจะต้องทำการดูดไขมันด้วย เสี่ยงต่อแผลเป็น
- อาจจะมีผลข้างเคียงได้ ถ้ารักษาความสะอาดไม่ดี หลังฉีด อาจจะติดเชื้อได้เช่นกับการผ่าตัดเสริมแท่งจมูก
จากประสบการณ์ของผู้เขียน พบว่าการเสริมจมูกโดยไม่ต้องผ่าตัดด้วยฟิลเลอร์ ถือว่าได้รับความนิยมกว่าวิธีอื่นๆ เพราะปั้นแต่งได้ตามชอบใจ แต่ถ้าเสริมด้วยไหมละลายอีกที พบว่าผลที่ได้ จมูกจะดูสวยงาม เป็นธรรมชาติ นอกจากจะโด่งได้รูปตามต้องการแล้ว ยังปรับแต่งทรงให้จมูกคมมากขึ้น ใกล้เคียงกับการเสริมจมูกด้วยการผ่าตัด และสามารถเพิ่มหยดน้ำที่ปลายจมูก ยกปลายจมูกให้เชิด ปรับปลายจมูกให้ยื่น ได้ตามต้องการ หากสนใจการฉีดเสริมจมูก หรือเสริมด้วยไหมละลาย หรือทำทั้งสองอย่าง แต่ควรจะปรึกษาหรือทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ในการฉีดเสริมจมูก เพราะผลข้างเคียงเกิดได้ ซึ่งถ้าเกิดแล้ว จะแก้ไขได้ยาก ไม่ควรจะฉีดเสริมกันเองตามหมอกระเป๋า หรือแพทย์ที่ขาดประสบการณ์มากพอ