Posted on

ฉีดโบ แบบเนเฟอร์ติติลิฟท์(Nifertiti Lift) ลดเหนียง ให้กระชับ ปรับขอบคาง(Jawline) คมชัด

เนเฟอติติลิฟท์ (Nifertiti Lift ) คืออะไร

คือเทคนิคในการฉีดยกกระชับหน้า (Face Lift) ด้วยสารโบท็อกซ์ เพื่อยกกระชับหน้าและลำคอให้ดูงามะะหง เหมือน พระนางเนเฟอร์ติติ ( Nifertitii) ซึ่งเป็นราชินีองค์โปรดของ ฟาโรห์ อาเคนาเตนแห่งอียิปต์ ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นสตรีที่มีคางสวยที่สุด!!
-เพราะเมื่อเราอายุมากขึ้น ขอบคางที่เคยคมชัด กลับมามีเหนียง สาเหตุเกิดการทำงานมากเกินไป ของกล้ามเนื้อบริเวณกรามหรือขากรรไกร ที่เรียกว่า Platysma muscle จึงทำให้ขอบคางไม่ชัด มีเหนียง การฉีดโบท็อกซ์ที่ฉีดเข้าไปตรงกล้ามเนื้อ ที่ชื่อว่า Platysma ฤทธิ์ของสารโบทอกซ์จะไปคลายการดึงรั้งของกล้ามเนื้อขากรรไกรและเหนียงคอ บริเวณแนว ขากรรไกร คาง และคอ จึงทำให้แนวขอบคางที่หย่อนคล้อย เกิดการยกกระชับ ขอบคางจึงคมชัดขึ้น
ปัจจุบันผู้ชายนิยมมาฉีดเนเฟอร์ติติลิฟท์กันเยอะขึ้นไม่แพ้ผู้หญิง เพราะทำให้ขอบคางดูคมชัด มีความเป็นชายชาตรีมากขึ้น โดยเฉพาะเวลามีหนวดเคราประปรายในบริเวณนี้ด้วย จึงทำให้ชวนหลงไหล น่ามอง และดูมี Sex appeal มากขึ้น

Platysma Band คืออะไร

Platysma Band คือ กล้ามเนื้อแนวตั้ง บริเวณลำคอ จะพบได้ชัดเจนในคนที่มีอายุมากและผิวบาง ทดสอบได้ง่ายๆ เวลาเปล่งสำเนียง E จะยิ่งเป็นเส้นที่คอตามแนวลำตอ ยิ่งแข็งแรงมากจะยิ่งทำให้เกิดการหย่อนคล้อยได้มาก การฉีดโบทอกซ์ที่กล้ามเนื้อมัดนี้ จึงช่วยลดการดึงรั้ง ทำให้กล้ามเนื้อมัดอื่นที่ทำหน้าทีดึงขึ้นทำงานได้มากกว่า ขอบคางจึงกระชับขึ้น เส้นเอ็นที่คอ เล็กลง
– การฉีด เนเฟอติติลิฟท์ (Nifertiti Lift ) ทำครั้งหนึ่งอยู่ได้ราว 4-6 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพผิวหน้าของแต่ละคน ที่สำคัญมากไปกว่านั้น คือ การยกกระชับหน้าด้วยเทคนิค Nifertiti Lift ใช้เวลาไม่นาน ทำเสร็จคนไข้ไม่ต้องพักฟื้น สามารถทำกิจกรรมต่อตามปกติ แต่แนะนำให้เลือกแพทย์ที่มีความชำนาญในเทคนิคนี้อย่างแท้จริง เพื่อหลีกเลี่ยงผลข้างเคียงซึ่งอาจจะเกิดขึ้นได้ เช่น หน้าไม่สมดุล กล้ามเนื้อคออ่อนแรง พูดไม่ชัด กลืนอาหารลำบาก เป็นต้น ซึ่งนอกจากจะไม่สวยแล้ว อาจกลายเป็นสยองแทนนะครับ

Posted on

ฉีดเสริมจมูก (Nose injection) ให้โด่ง แบบไหน ปลอดภัย ไม่ต้องทำศัลยกรรม ให้เจ็บตัว

เสริมจมูกแบบไม่ต้องศัลยกรรม

การเสริมจมูก เป็นหัตถการที่นิยมทำกันมากที่สุดวิธีในแถบเอเซีย เนื่องจากโครงหน้าของชาวตะวันออก มักจะมีจมูกที่ไม่เป็นสันโด่งสวยงาม เหมือนทางตะวันตก การเสริมจมูกมีด้วยกันหลากหลายวิธีในปัจจุบัน แต่แบ่งเป็นประเภทใหญ่ๆ ได้ 2 กรรมวิธี ก็คือ
1.เสริมจมูกด้วยการทำศัลยกรรม : ซึ่งถือว่าเป็นที่นิยมของตลาด ได้ลงรายละเอียดไว้แล้ว คลิกอ่านได้
2. การเสริมจมูกแลลไม่ต้องทำศัลยกรรม บทความนี้จะนำเสนอเรื่องการเสริมจมูกโดยไม่ต้องผ่าตัดให้ทราบพอสังเขป ประกอบการตัดสินใจสำหรับท่านที่ต้องการเติมให้สวย เพิ่มให้หล่อ ดังนี้

การเสริมจมูกโดยไม่ต้องผ่าตัด เป็นการทำศัลยกรรมเสริมแต่งที่เริ่มเป็นที่นิยม ในระยะไม่นานมานี้ เหมาะสำหรับท่านที่มีสันจมูกเก่าอยู่แล้ว แต่อาจจะยังไม่ได้รูป หรือ กลัวการผ่าตัด ไม่อยากหยุดงาน หรือพักฟื้นหลังผ่าตัด หรือกังวลว่าจมูกที่เสริมไปไม่เป็นธรรมชาติ แข็ง หรือกลัวเบี้ยวเอียงในอนาคต โดยแบ่งออกได้ดังนี้

1. การฉีดสารฟิลเลอร์ ( Filler agents)  เป็นที่นิยมมากในปัจจุบัน สารฟิลเลอร์ที่นำมาฉีด แนะนำให้เลือกใช้แบบไม่ถาวร (Temporary Fillers )  และเป็นสารกลุ่ม HA (Hyaluronic acid) เพราะกลุ่มนี้จะผ่านอย. ไม่พอใจ เสริมแท่ง ก็สามารถจะฉีดให้สลายไปได้ ด้วย สาร Hyaluronidase

จุดเด่นของการฉีดเสริมจมูกด้วยสาร HA :

  1. ไม่ต้องผ่าตัด หรือพักฟื้นหลังทำ ไม่พบอาการบวมแดง หลังฉีด สามารถไปทำงานได้ตามปกติ
  2. จัดแต่งรูปทรงได้ตามต้องการ ใช้เติมแต่งแก้ปัญหาจมูกเบี้ยว เอียง หรือฉีดเสริมให้โด่งขึ้น จัดแต่งรูปทรงจมูก ให้ธรรมชาติมาก ขึ้นในคนที่เสริมจมูกด้วยแท่งมาแล้ว ยังดูไม่ธรรมชาติ
  3. ไม่ต้องวางยาสลบ หรือฉีดยาให้นอนหลับ เพียงแค่ทายาชาหรือฉีดยาชาก่อนทำ เนื่องจากไม่เจ็บมาก ใช้เข็มขนาดปานกลาง เบอร์ 30-32
  4. ลักษณะจมูกดูเป็นธรรมชาติ สัมผัสได้เหมือนผิวหนังปกติ
  5. ไม่ต้องระวังเรื่องเบี้ยวเอียง ไม่ไหล ไม่เคลื่อนที่
  6. ไม่มีโอกาสแพ้ เนื่องจากไม่ได้ผลิตจากสัตว์เหมือนกลุ่มคอลลาเจน จึงไม่ต้องเทสต์ก่อนฉีด
  7. โอกาสติดเชื้อหลังฉีดแทบไม่มีหรือน้อยมาก
  8. เมื่อมีปัญหา สามารถสลายไปได้เอง ไม่ต้องผ่าตัด หรือดูดออก หรือถ้าไม่พอใจ หรือเมื่อต้องการเปลี่ยนใจไปเสริมจมูกด้วยการผ่าตัดใส่แท่งซิลิโคน หรือกระูดูกอ่อน ก็สามารถฉีดให้สลายได้ด้วยสาร Hylauronidase ภายในไม่กี่วัน     การฉีดเสริมจมูกด้วยฟิลเลอร์ จะเห็นว่าตรงสันจมุกดูธรรมชาติ ไม่เป็นแท่งสูงเหมือนการเสริมด้วยแท่งซิลิโคน

จุดด้อยของการฉีดเสริมจมูกด้วยสาร HA :

  1. ไม่คงทนถาวร ต้องฉีดซ้ำทุก 1-2  ปี เมื่อมีการยุบลงของจมูก
  2. อาจพบจุดแดงๆ ช้ำเล็กๆ ตามรูเข็มฉีดยา
  3. ต้องมีการฉีดเติมบ่อยๆ ทำให้เปลืองค่าใช้จ่าย (โดยอยู่ระหว่าง 15,000-20,000 บาท)
  4. อาจจะมีผลข้างเคียงได้ ถ้ารักษาความสะอาดไม่ดี หลังฉีด อาจจะติดเชื้อได้เช่นกับการผ่าตัดเสริมแท่งจมูก
  5. แพทย์ที่ทำ ถ้าไม่ชำนาญ ลักษณะกายภาพของเส้นเลือดที่มาเลี้ยงจมูก อาจจะฉีดไปโดนเส้นเลือด ทำให้ปลายจมูกขาดเลือด อักเสบ หรือฟิลเลอร์อาจจะเข้าไปในเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงที่ลูกตา ทำให้เสี่ยงต่อการมองเห็นผิดปกติได้

2 . การเสริมจมูกด้วยไหมละลาย (Thread ) : การเสริมจมูกด้วยไหมละลาย จะเหมาะกับคนที่มีสันจมูกที่โด่งอยู่แล้ว เพียงแต่ต้องการปรับรูปทรงให้คมขึ้น ยกปลายจมูกให้เิชิด หรือปรับปลายจมูกให้ยื่นยาวมีหยดน้ำ เป็นอีกเทคนิคหนึ่งการเสริมจมูกที่กำลังได้รับความนิยม  เพราะไหมละลาย จะทำง่ายและสะดวกกว่าการฉีดฟิลเลอร์ เพราะจะร้อยตรงไหนก็ได้ที่ต้องการ ไหมละลายที่ใช้ ควรเลือกที่ผ่าน อย. แล้ว เช่น ไหม PDO (Polydioxanone)โดยจะอยู่ได้ประมาณ 1 ปี  ไหมละลายที่อยู่นานกว่านี้ ส่วนใหญ่จะยังไม่ผ่านอย.เมืองไทย

จุดเด่นของการฉีดเสริมจมูกด้วยการร้อยไหม :

  1. ไม่ต้องผ่าตัด หรือพักฟื้นหลังทำ ไม่พบอาการบวมแดง หลังฉีด สามารถไปทำงานได้ตามปกติ
  2. จัด แต่งรูปทรงได้ตามต้องการ จะร้อยไหมยกปลายจมูก ลดปีกจมูก ร่วมด้วยก็ได้
  3. ไม่ต้องวางยาสลบ หรือฉีดยาให้นอนหลับ เพียงแค่ทายาชาหรือฉีดยาชาก่อนทำ เนื่องจากไม่เจ็บมาก ใช้เข็มขนาดปานกลาง เบอร์ 30-32
  4. ลักษณะจมูกดูเป็นธรรมชาติ สัมผัสได้เหมือนผิวหนังปกติ
  5. ไม่ต้องระวังเรื่องเบี้ยวเอียง ไม่ไหล ไม่เคลื่อนที่
  6. ไม่มีโอกาสแพ้
  7. โอกาสติดเชื้อหลังฉีดแทบไม่มีหรือน้อยมาก

จุดด้อยของการฉีดเสริมจมูกด้วยการร้อยไหม :

  1. ไม่คงทนถาวร ต้องร้อยไหมซ้ำ ทุก 1-2  ปี เมื่อมีการยุบลงของจมูก
  2. อาจพบจุดแดงๆ ช้ำเล็กๆ ตามรูเข็มฉีดยา
  3. ไม่เหมาะกับคนที่แทบไม่มีดั้งเลย เพราะไม่สามารถจะเพิ่มสันให้โด่งได้ตามใจชอบ การร้อยไหม แค่ปรับสันจมูกให้คมชัดขึ้น
  4. อาจจะมีผลข้างเคียงได้ ถ้ารักษาความสะอาดไม่ดี หลังฉีด อาจจะติดเชื้อได้เช่นกับการผ่าตัดเสริมแท่งจมูก

3 . การเสริมจมูกด้วยการฉีดไขมัน : เป็นอีกทางเลือกหนึ่งของการเสริมจมูก เทคนิคนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นศัลยแพทย์ตกแต่ง เป็นคนทำ โดยการดูดไขมันจากร่างกายแล้วนำมาฉีดเสริมจมูก คล้ายๆ กับการฟิลเลอร์

จุดเด่นของการฉีดเสริมจมูกด้วยการฉีดไขมัน :

  1. ใช้ไขมันของตนเอง
  2. จัดแต่งรูปทรงได้ตามต้องการ
  3. ไม่ต้องวางยาสลบ หรือฉีดยาให้นอนหลับ เพียงแค่ทายาชาหรือฉีดยาชาก่อนทำ เนื่องจากไม่เจ็บมาก ใช้เข็มขนาดปานกลาง เบอร์ 30-32
  4. ลักษณะจมูกดูเป็นธรรมชาติ สัมผัสได้เหมือนผิวหนังปกติ
  5. ไม่ต้องระวังเรื่องเบี้ยวเอียง ไม่ไหล ไม่เคลื่อนที่
  6. ไม่มีโอกาสแพ้
  7. โอกาสติดเชื้อหลังฉีดแทบไม่มีหรือน้อยมาก

จุดด้อยของการฉีดเสริมจมูกด้วยไขมัน :

  1. ไม่คงทนถาวร ต้องฉีดซ้ำ ทุก 1-2  ปี เมื่อมีการยุบลงของจมูก
  2. อาจพบจุดแดงๆ ช้ำเล็กๆ ตามรูเข็มฉีดยา
  3. ต้องฉีดปริมาณที่มากกว่าปกติ เพราะไขมันจะยุบตัวได้ถึง 30-40% หลังฉีด ทำให้คาดหวังผลการรักษาไม่ได้แน่นอน
  4. เจ็บตัวหลายครั้ง เพราะจะต้องทำการดูดไขมันด้วย เสี่ยงต่อแผลเป็น
  5. อาจจะมีผลข้างเคียงได้ ถ้ารักษาความสะอาดไม่ดี หลังฉีด อาจจะติดเชื้อได้เช่นกับการผ่าตัดเสริมแท่งจมูก

จากประสบการณ์ของผู้เขียน พบว่าการเสริมจมูกโดยไม่ต้องผ่าตัดด้วยฟิลเลอร์ ถือว่าได้รับความนิยมกว่าวิธีอื่นๆ เพราะปั้นแต่งได้ตามชอบใจ แต่ถ้าเสริมด้วยไหมละลายอีกที พบว่าผลที่ได้ จมูกจะดูสวยงาม เป็นธรรมชาติ นอกจากจะโด่งได้รูปตามต้องการแล้ว ยังปรับแต่งทรงให้จมูกคมมากขึ้น ใกล้เคียงกับการเสริมจมูกด้วยการผ่าตัด และสามารถเพิ่มหยดน้ำที่ปลายจมูก ยกปลายจมูกให้เชิด ปรับปลายจมูกให้ยื่น ได้ตามต้องการ หากสนใจการฉีดเสริมจมูก หรือเสริมด้วยไหมละลาย หรือทำทั้งสองอย่าง แต่ควรจะปรึกษาหรือทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ในการฉีดเสริมจมูก เพราะผลข้างเคียงเกิดได้ ซึ่งถ้าเกิดแล้ว จะแก้ไขได้ยาก ไม่ควรจะฉีดเสริมกันเองตามหมอกระเป๋า หรือแพทย์ที่ขาดประสบการณ์มากพอ

รีวิวการฉีดเสริมจมูก ปรับทรงจมูก ด้วยฟิลเลอร์ HA
รีวิวการฉีดเสริมจมูกด้วยไขมัน
Posted on

Food Intolerance : ภาวะที่รับประทานอาหารบางชนิดไม่ได้ เกิดอาการผิดปกติ หลายระบบในร่างกาย

ท่านเคยมีอาการเหล่านี้หรือไม่ เวลาที่เรารับประทานอาหารบางอย่างเข้าไปแล้ว เกิดอาการผิดปกติ ไม่สบาย เช่นอาจจะท้องอืด ท้องเฟ้อได้ง่าย เกิดสิว เกิดผื่นแพ้ ทำให้ภาวะเซ็บเดิร์มรุนแรงขึ้น น้ำหนักขึ้นได้ง่ายหรืออ้วนง่ายมาก นอนไม่หลับ อ่อนเพลีย ท้องเสีย ปวดข้อ ฯลฯ หรือ อาจจะเกิดอาการที่เราอธิบายไม่ได้หลายอย่าง และบางครั้งเมื่อเกิดอาการที่ไม่ทราบสาเหตุแล้วไปพบแพทย์ อาจจะได้รับการรักษาทางด้านจิตใจมากกว่า เนื่องจากคิดว่าเป็นอาการที่เกิดจากสภาวะทางจิตใจหรือความเครียด
ในความเป็นจริง อาการเหล่านี้อาจมีสาเหตุมาจากอาหารที่รับประทานเข้าไปแล้วร่างกายรับไม่ได้ ที่เรียกว่าการแพ้อาหารแบบค่อยเป็นค่อยไป ไม่รุนแรง หรือเกิดภาวะการรับอาหารบางชนิดไม่ได้ ( Food Intolerance)
อาการเหล่านี้พบว่าจะเกิดขึ้นหลังจากรับประทานอาหารไปแล้วหลายวัน เช่น เรารับประทานนมหรือขนมปังเข้าไปในวันนี้แต่เกิดอาการปวดข้อหลังจากนั้น 3 วัน หรือเป็นอาทิตย์ ดังนั้นจึงเป็นการยากที่จะสรุปว่าเกิดจากอาหารชนิดไหน ซึ่งจะแตกต่างจากการแพ้อาหารแบบทันที (Food Allergy) ซึ่งอย่างหลังเราจะสังเกตได้ง่ายกว่า เพราะจะรุนแรงกว่า เกิดได้เร็วกว่า เช่น เกิดผื่นแพ้ ลมพิษ คัน หน้าเห่อ บวมแดง
ภาวะการรับอาหารบางชนิดไม่ได้ ( Food Intolerance)
พบได้ถึง 45% ของคนปกติ การเกิดภาวะนี้มีสาเหตุเกี่ยวข้องกับการทำงานที่ผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกันที่เกิดขึ้นกับอาหาร และยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัดว่าเกิดจากสาเหตุใด อาจเกิดจากการติดเชื้อราในระบบทางเดินอาหาร, การมีพยาธิ, การติดเชื้อในลำไส้, ความไม่สมดุลของสารอาหารที่บริโภคเข้าไป, การดื่มแอลกอฮอล์ หรือผลมาจากยาซึ่งอาจไปกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันให้สร้างต่ออาหารมากเกินไป ในภาวะปกติภูมิคุ้มกันจะไปจับกับโปรตีนในอาหารและจะถูกขจัดไปโดยระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายแต่ถ้าระบบภูมิต้านทานทำงานมากผิดปกติร่างกายจะขจัดไม่หมดและจะไปสะสมอยู่ตามข้อหรือระบบย่อยอาหารทำให้เกิดอาการรับอาหารบางชนิดไม่ได้

อาการของภาวะรับอาหารบางชนิดไม่ได้ ( Food Intolerance)
– ระบบทางเดินหายใจ – ไอ, จาม, หายใจลำบาก, ภูมิแพ้, ติดเชื้อในหู, กรน, หยุดหายใจขณะ นอนหลับ, ปอดบวม, หลอดลมอักเสบ
– ระบบภูมิคุ้มกัน – มีไข้ หรือติดเชื้อได้ง่าย, เป็นแผลในปาก, ติดเชื้อรา
– ระบบประสาท – เชื่องช้า, ซุ่มซ่าม, ปวดหัว, ไมเกรน, เครียด, มีปัญหาเกี่ยวกับความจำ, โรคจิตเสื่อม
– ผิวหนัง, ผม และ เล็บ – โรคเรื้อน, ผิวหนังอักเสบ, ลมพิษ, ผื่นแดง, ผมร่วง. เล็บฉีกหัก, รังแค
– ระบบเผาผลาญ – หงุดหงิด, น้ำหนักเกิน, น้ำหนักลด, หนาวสั่น, ไทรอยด์เป็นพิษ
– ระบบกล้ามเนื้อ – กล้ามเนื้อหรือข้อล็อค, เอ็นหรือข้ออักเสบ, กระดูกบาง, กระดูกแตก, กระดูกพรุน
– ขาดสารอาหาร – อ่อนเพลีย, สมาธิสั้น, ขาดวิตามิน, ขาดธาตุเหล็ก, โลหิตจาง, ขาด แคลเซียม
– ระบบทางเดินอาหาร – ลำไส้แปรปรวน (IBS), ท้องเสีย, ท้องผูก,อาหารไม่ย่อย, แผลใน กระเพาะอาหาร, แผลในลำไส้,อ้วนได้ง่าย
– ระบบสืบพันธ์ – ติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ, มีบุตรยาก, แท้ง
– ที่สำคัญ โรคเรื้อรังที่สำคัญอาจจะเกิดตามมาได้ เช่น โรคเบาหวานชนิดที่ 1,โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ (Rheumatoid arthritis),โรคแพ้กลูเทน (Coeliac disease),โรคกระดูกพรุน (Osteoporosis),โรคโลหิตจาง (Anemia),มะเร็งลำไส้และกระเพาะอาหาร (Bowel cancer and Stomach cancer),โรคหลอดเลือดหัวใจ (Atherosclerosis),โรคความดันโลหิตสูง,โรคไทรอยด์เป็นพิษ (Hashimoto’s thyroiditis) ถ้าหากเราไม่รักษาอาการรับอาหารบางชนิดไม่ได้ หรือไม่เลี่ยงการรับประทานอาหารที่ร่างกายรับไม่ได้
Food Intolerance Test 
ในปัจจุบันได้มีเทคโนโลยีใหม่ที่ช่วยให้เราสามารตรวจสอบการรับอาหารบางชนิดไม่ได้ที่เรียกว่า Food Intolerance Test โดยใช้เทคโนโลยี Microarray ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดจากประเทศอังกฤษ ที่มีความแม่นยำสูงมาก ที่สำคัญคือใช้เลือดเพียงปริมาณเล็กน้อย ผลการทดสอบสามารถบ่งบอกชนิดของอาหารที่ร่างกายรับไม่ได้ได้ถึง 221 ชนิด
การใช้ประโยชน์จากผลการทดสอบ Food Intolerance Test 
จากผลการทดสอบภาวะการรับอาหารบางชนิดไม่ได้ ถ้าผลการทดสอบของคุณเป็นบวก บ่งบอกได้ว่าคุณมีปฏิกิริยาการต่อต้านอาหาร ซึ่งจากผลการทดสอบนี้คุณสามารถนำมาปรับเปลี่ยนชนิดของอาหารที่คุณรับประทานให้ถูกต้องและเหมาะสมกับภาวะสุขภาพ เพื่อให้การรับประทานอาหารแล้วเกิดประโยชน์สูงสุดต่อร่างกาย และยังเป็นการดูแลสุขภาพจากภายในเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีด้วย นอกจากนี้การตรวจหาชนิดของอาหารที่ก่อให้เกิดอาการที่แท้จริง ยังถือว่าเป็นการป้องกัน ที่ดีกว่าการแก้ปัญหาโดยการรักษาอาการของโรคซึ่งถือว่าเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุด้วย แต่สิ่งสำคัญคือการเปลี่ยนแปลงหรือปรับเปลี่ยนการรับประทานอาหารควรอยู่ภายใต้การควบคุมและดูแลโดยผู้เชี่ยวชาญเพื่อความถูกต้องครบถ้วนในการได้รับสารอาหารในแต่ละวัน

Posted on

วิตามินกินกันแดด ( Sun Vitamins) ถ้าป้องกันได้ ก็ไม่ต้องหวั่นผิวเสีย เพราะทาครีมไม่ทั่วถึง

370_2

วิตามินกินกันแดด ได้อย่างไร?

วิตามินกันแดด ได้ออกมาจำหน่ายหลากหลายยี่ห้อ และเป็นที่นิยม เพราะสะดวก สามารถป้องกันแสงแดดได้ดีตลอดวัน โดยไม่ต้องทาครีมกันแดดให้เหนียวเหนอะหนะ หรือคอยทาซ้ำๆ ทุก 2 – 3 ชั่วโมง
วิตามินกันแดดเกือบทุกยี่ห้อ มักประกอบด้วยวิตามินที่มีฤทธิ์ต่อต้านอนุมูลอิสระ และสารสกัดจากธรรมชาติที่ดูดซึมได้ง่าย เช่น สารกลุ่ม Astaxanthine เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่สกัดได้จากสีชมพูและแดงในสัตว์ทะเล เช่น เปลือกกุ้ง ปู ปลาแซลมอน สารกลุ่มนี้จะช่วยป้องกันอาการผิวไหม้จากแสงแดดและริ้วรอยลึกบนผิว รวมถึงช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันร่างกายด้วย
1 สารสกัดจากมะเขือเทศ (Tomato extract) มีสารสำคัญ ได้แก่ ไลโคปีน (Lycopene) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยปกป้องผิวจากความเสื่อมโทรมอันเป็นผลมาจากแสงแดดและมลภาวะ นอกจากนี้ ยังช่วยกระตุ้นการไหลเวียนเลือด ทำให้ผิวดูขาวอมชมพูมีสุขภาพดี
2.สารสกัดจากพืชกลุ่มซิตรัส (Citrus extract) หรือผลไม้รสเปรี้ยว เช่น ส้ม อุดมด้วยวิตามิน ซี และวิตามิน อี มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันผลกระทบจากแสง UV เช่น ผิวหมองคล้ำและการทำลายคอลลาเจน จึงช่วยให้ผิวดูกระจ่างใสเปล่งปลั่ง

3. สารสกัดจากเมล็ดองุ่น (Grape seed extract) ช่วยปกป้องผิวจากแสงแดดและมลภาวะไม่ให้ผิวระคายเคือง ป้องกันการทำลายคอลลาเจน ทำให้ผิวแข็งแรงและยืดหยุ่น ยับยั้งการสร้างเม็ดสีผิวซึ่งทำให้ผิวคล้ำขึ้น และยังมีงานวิจัยที่พบว่าสารสกัดจากเมล็ดองุ่นช่วยให้ฝ้าดูจางลงด้วย
4. วิตามิน ซี เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่สำคัญมาก ซึ่งช่วยลดผลกระทบที่เกิดจากแสงแดด ป้องกันผิวเสื่อมโทรม หยาบกร้าน หมองคล้ำ และระคายเคือง มีส่วนช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์ กระชับ เต่งตึง นอกจากนี้ ยังช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานให้แข็งแรงขึ้นด้วย
5. สารสกัดอื่นๆ จากธรรมชาติ เช่น สารสกัดจากชาเขียว เฟิร์น และเปลือกสน ซึ่งช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระและป้องกันไม่ให้ผิวถูกแสง UV ทำลายเช่นเดียวกับสารอื่นๆ

กินวิตามินกันแดดอย่างเดียว ไม่ต้องทากันแดดได้ไหม?

วิตามินกันแดด มีส่วนช่วยในการป้องกันผลกระทบที่เกิดจากแสงแดด เช่น ผิวโทรม ผิวหยาบกร้าน และริ้วรอยเป็นหลัก แต่ไม่ได้ป้องกันรังสี ยูวีเอ ยูวีบี แบบเดียวกับครีมกันแดด จึงไม่ควรกินวิตามินอย่างเดียว แล้วออกไปเดินกลางแดดจ้าโดยไม่ทากันแดด เพราะไม่มีอะไรรับประกันผิวเราจะไม่ถูกแดดเผาจนพัง ทางที่ดีก็ควรทำควบคู่กันไป ทั้งกินวิตามิน ทาครีมกันแดด และใช้ร่ม หมวก เสื้อแขนยาวป้องกันแดดด้วย


Posted on

สักมาไม่พอใจ อยากลบออกไป เลเซอร์ Revlite ช่วยได้ หลากหลายสี เห็นผลทันที ไม่มีผลข้างเคียง

ลบรอยสัก(Tatoo Removal) ด้วยเลเซอร์

ปัจจุบัน การสัก ถือว่าเป็นศิลปะอย่างหนึ่ง ส่วนใหญ่จะทำการสักเพื่อความสวยงามมากกว่าเน้นในเรื่องของไสยศาสตร์เหมือนในอดีต การสัก ในสมัยนี้จึงเป็นที่นิยมสักกันทั้งผู้หญิงและผู้ชาย จนกลายเป็นแฟชั่นไปอย่างหนึ่ง แต่เมื่อมีการสักมากขึ้นเรื่อยๆ ก็มีความต้องการในการลบรอยสักกันมากขึ้นตามมาเช่นกัน ซึ่งอาจจะมีเหตุผลจากเมื่ออายุมากขึ้น เริ่มเบื่อ หรือบางคนต้องทำงาน บางคนเกรงจะกระทบต่อหน้าที่การงาน จึงได้หาวิธีการลบรอยสักที่ทำมาแต่ก่อน

โดยมาก การสัก เพื่อความสวยงามมักจะสักในหลาย ๆ ตำแหน่งเช่น ที่ปาก แก้ม ขอบตา เปลือกตา หัวไหล่ เนินอก แขน ขา ข้อเท้า หรือในที่อื่น ๆ ตามแต่เจ้าของร่างกายต้องการสัก เดิมการสักจะใช้เฉพาะสีดำ ซึ่งลบออกได้ง่าย ด้วยวิธีแบบเดิมๆ เช่น การลบด้วยกรดเข้มข้น สมุนไพร ฯลฯ แต่ต่อมาได้มีการพัฒนาให้มีการสักหลากหลายสีมากขึ้น ทั้งสีแดง สีเขียว สีน้ำเงิน ฯลฯ ทำให้วิธีการลบรอยสักแบบเดิมๆ อาจจะได้ผลไม่ดีนัก และเกิดผลข้างเคียงและแผลเป็นได้ง่ายหลังการลบรอยสัก ปัจจุบันจึงนิยมจะลบรอยสักด้วยเลเซอร์มากกว่า

การลบรอยสัก ด้วย เลเซอร์ นั้น จะอาศัยพลังงานจาก แสงเลเซอร์ ที่ เข้าไปทำให้เม็ดสีของหมึกที่สักลงไป ซึ่งเป็นโมเลกุลใหญ่ให้แตกตัวกระจายออก แล้วอาศัยกลไกการกำจัดสิ่งแปลกปลอมของร่างกายขจัดเอาเม็ดสีที่แตกเป็นชิ้น เล็ก ๆ นั้นออกไป และทำให้ รอยสัก จางลงไป การลบรอยสัก ด้วย เลเซอร์ เป็นการลบรอยสักซึ่งมีความนิยมทำในวงการแพทย์ปัจจุบัน เนื่องจากมีผล้างเคียงต่ำ และผลที่ออกมาสามารถลบรอยสักได้มากกลับไปใกล้เคียงกับผิวหนังเดิม
กลไกในการรักษาแพทย์ก็จะเลือกชนิดของเลเซอร์ ให้เหมาะสมตรงกับสีของรอยสัก ซึ่งแต่ละสีก็จะมีความจำเพาะกับเลเซอร์แต่ละความยาวคลื่น ซึ่งแสงเลเซอร์ก็จะไปทำให้เม็ดสีในผิวหนังแตกออก และถูกขจัดออกทางระบบน้ำเหลือง, ขจัดออกทางผิวหนังตามมา แต่รอยสักแต่ละชนิด หรือแต่ละสี จะได้ผลไม่เท่ากัน ขึ้นกับชนิดของสี ขนาด ตำแหน่ง ความลึก อายุของรอยสักและสีผิวของเจ้าของรอยสัก รอยสักบริเวณแขน หน้าอก ก้นและขา จะไม่ยากนักตรงข้ามกับรอยสักที่นิ้วและข้อเท้า ซึ่งจะแก้ไขได้ยาก นอกจานี้จะพบว่ารอยสักสีดำ สีน้ำเงินและสีเขียว จะได้ผลดีกว่าสีแดง สีส้มและสีเหลือง

ลบรอยสักด้วยเลเซอร์ตัวไหนดี

RevLite® ถือว่าเป็นเลเซอร์ที่สามารถลบรอยสักที่ได้ผลดีสุดในปัจจุบัน (Gold Standard device for multi-color tattoo removal ) เพราะสามารถลบรอยสักได้ตั้งแต่สีดำ สีแดง สีเขียว แม้แต่สีน้ำเงิน ฯลฯ เพราะมีหลากหลายช่วงคลื่นให้เลือกใช้ มากกว่าเลเซอร์รุ่นอื่นๆ ดังนี้
– ช่วงคลื่น 1064 nm สำหรับรอยสักสีดำ
– ชวงคลื่น 532 nm สำหรับรอยสักสีแดง
– ช่วงคลื่น 585 nm สำหรับรอยสักสีน้ำเงิน
– ช่วงคลื่น 650 nm สำหรับรอยสักสีเขียว

ขั้นตอนการลบรอยสักด้วยเลเซอร์ :

บริเวณที่จะทำเลเซอร์จะได้รับการทาครีมยาชา ประมาณ 30-45 นาที ระยะเวลาในการทำเลเซอร์จะไม่นานนัก ปกติราว 10-15 นาที โดยทั่วไป จะไม่มีอาการเจ็บปวด หรือถ้าเจ็บก็พอทนได้ เพราะจะมีการพ่นไอเย็นจัด (Cool Jet) ในระหว่างที่ทำให้ลดความเจ็บและความร้อนลงได้มาก ภายหลังการทำผิวอาจจะจะตกสะเก็ด และสะเก็ดจะหลุดไปภายใน 5-7 วัน ส่วนใหญ่จำนวนครั้งและระยะห่าง แตกต่างกันไปตามลักษณะของรอยสัก โดยทั่วไปมักต้องทำอย่างน้อย 5-8 ครั้ง โดยมีระยะห่าง 3-4 สัปดาห์ มักจะไม่มีผลข้างเคียงใดๆ ยกเว้นบางกรณีอาจจะเกิดรอยด่างหรือรอยดำ ซึ่งก็สามารถหายเป็นปกติได้ สำหรับการเกิดแผลเป็นมีโอกาสค่อนข้างน้อย ถ้าแพทย์ที่ทำมีประสบการณ์ในการรักษา

การดูแลหลังลบรอยสักด้วยเลเซอร์:

ประมาณ 24 ชั่วโมงหลังทำการรักษาด้วยเลเซอร์ ถ้าเกิดมีบาดแผล ไม่ควรจะโดนน้ำบริเวณที่ทำ และทำความสะอาดแผลด้วยน้ำเกลือ(Normal Saline) โดยใช้สำลีเช็ดทำความสะอาดแผลเบาๆ วันละ 2 ครั้ง เช้าเย็น จนกว่าสะเก็ดจะแห้งและหลุดออก ถ้าปวดก็สามารถทานยาแก้ปวดได้ ถ้ามีอาการอักเสบ บวมแดง ควรกลับมาให้แพทย์ตรวจดูอาการ หาสาเหตุ และทำการรักษา ไม่ควรใช้ครีมหรือเครื่องสำอางใดๆ ทาบนแผลที่ลบรอยสัก จนกว่าสะเก็ดจะแห้งและหลุดออกหมด ควรเลี่ยงแสงแดดบริเวณที่ทำประมาณ 2-3 อาทิตย์ เพราะอาจจะเสี่ยงต่อการเกิดรอยดำหลังทำได้ และควรจะมาพบแพทย์ตามนัด

อย่าได้ไปหลงเชื่อคำโฆษณาเกี่ยวกับน้ำยาลบรอยสัก หรือสมุนไพรใดๆ ที่ว่ามีประสิทธิภาพและเห็นผลทันตา แล้วซื้อมาลบรอยสักเองนะครับ เพราะอาจเกิดแผลเป็น หรือไม่ก็เสียโฉมไปเลย ทำให้ต้องมาเวียนแก้ปัญหาในระยะยาวเสียสุขภาพจิตเปล่า ๆ

Facebook: Clinicneo
Instagram: http://bit.ly/2Hs7xVk
Website: http://www.clinicneo.co.th
Add LINE ID ปรึกษาได้ที่ : @clinicneo หรือ ✅Click✅ http://bit.ly/2Jfx2Kh
Tel.: 02-399-3390-1,091-819-4930
……………………………………………………………………..
ฝีมือระดับอาจารย์แพทย์
✅ให้บริการโดยอาจารย์นายแพทย์จรัสพล (หมอเต้ นีโอ)
✅ประสบการณ์มากกว่า 20 ปี ‍⚕️
#อยากลบรอยสักคิ้ว#คิ้วหนา#คิ้วไม่เท่ากัน#คิ้วไม่สวย
✅เห็นผลไว ไร้รอยแผลเป็น สีผิวกลับมาปกติ เครื่องแท้จากอเมริกา
✅คลินิกนีโอ สะดวก สะอาด ปลอดภัย มั่นใจ สวยไว เป็นธรรมชาติ
……………………………………………………………………..
“ความรู้เกี่ยวกับ ลบรอยสักด้วย Revlite Gold Standard tattoo removal “‍
ลบรอยสัก(Tatoo Removal) ได้หลากหลายสี ด้วยเลเซอร์ Revlite
http://bit.ly/2KNdI6U
“RevLite” เลเซอร์เม็ดสีสำหรับฝ้า กระ รอยด่างดำ ลบรอยสัก ที่ได้ผลดี
http://bit.ly/2K9k5TV
เลเซอร์ในแวดวงความงาม(Laser in Cosmetic Dermatology)
http://bit.ly/2Ze3OAF

Posted on 48 Comments

ฉีดโบ ช่วยแก้ปัญหาอะไรได้มากมาย ไม่ใช่แค่ริ้วรอย ยกกระชับ ปรับรูปหน้า ( Advanced technique for Botox Injection)

ฉีดโบทอกซ์ ยกหางคิ้ว หางตา

โบทอกซ์แก้ปัญหาอะไร

ปัจจุบันฉีดโบที่นิยมฉีดกัน ใช้แก้ปัญหาอะไรบ้าง : เดิมเรารู้แค่ว่าโบทอกซ์ ออกฤทธิ์โดยการทำให้กล้ามเนื้อคลายตัว และทำให้คอลลาเจน หดตัว แต่ปัจจุบัน มีการนำโบทอกซ์มาแก้ปัญหาอื่นๆ ได้อีกมากมาย ที่หลายคนไม่รู้ จึงขอเรียงลำดับจากมากไปหาน้อย ว่าโบทอกซ์แล้วแก้ปัญหาอะไรได้บ้าง ดังนี้นะครับ
1. ฉีดลดริ้วรอย ตามบริเวณต่างๆ เช่น ตีนกา หน้าผาก หัวคิ้ว รอยย่นเวลาสันจมูก (nasal scrunch)
2. ปรับรูปหน้าให้เรียวเล็ก ( Facial Contouring)
3. ฉีดลดเหงื่อที่รักแร้ ลดกลิ่นเต่า ลดเหงื่อที่ฝ่ามือ ฝ่าเท้า ( Hyperhidrosis)
4. ฉีดลดน่อง แก้ปัญหาน่องโต
5. ฉีดยกคิ้ว แก้หางตาตก ปรับแนวรูปคิ้ว ให้ได้รูปตามต้องการ ปรับตาให้ดูกลมสวยงาม
6. ฉีดยกกระชับ ลิฟท์กรอบหน้า ( Face Lift or Crown’S Lfiting )

7. ฉีดลดกล้ามเนื้อขอบตาล่าง ที่คล้ายๆ ถุงไขมันใต้ตา Pre-tarsal Muscle)เวลายิ้มจะเห็นชัดขึ้น พบได้บ่อยในคนเกาหลี แต่บางคนอาจจะไม่ชอบ ให้ก้อนนี้เล็กลงได้ เวลายิ้มจะเห็นเป็นก้อนๆ
8.ฉีดลดปีกจมูก และ ฉีดยกจมูกงุ้มให้เชิดขึ้น
9. ฉีดแก้ปัญหายิ้มแล้วเห็นเหงือก (Gummy smile ) ฉีดแล้วการยิ้มเห็นเหงือกจะลดลง
10. ฉีดลดรอยย่นที่ริมฝีปาก กรณีทำปากจู๋ แล้วพบว่ารอยย่นชัดเจน พบบ่อยในคนที่สูบบุหรี่
11. ฉีดยกมุมปาก ( Mationette Line)
12. ฉีดรอยย่นที่คาง ( Mental Crease) หรือรอยบุ๋มที่คาง ( Poply Chin)ที่เวลายิ้มทำให้คางสั้น ให้ดูยาวขึ้น  

13. ฉีดเส้นรอยย่นที่คอให้ดูตืนขึ้น (Neck Line)
14. ฉีดกระชับรูขุมขนให้เล็กลง ( Microbotox)
15. ฉีดลดต้นแขนใหญ่จากกล้ามเนื้อ
16. ฉีดลดเส้นกล้ามเนื้อที่คอ (Aging Platysma Band)
17. ฉีดลดอาการปวดศีรษะไมเกรน
18. ฉีดลดอาการปวดเกร็งกล้ามเนื้อจากการทำงาน( Myo-facial office syndrome)
แต่ทั้งนี้ ขอย้ำนะครับ ว่ามีแพทย์เพียงไม่กี่คนที่ทำได้ทุกอย่าง ก่อนทำควรเลือกที่มีประสบการณ์ มีความชำนาญ ใช้ของแท้ ผ่าน อย. จึงจะได้ผลดีตามที่ต้องการ ไม่มีผลข้างเคียง

ฉีดโบทอกซ์ ลดน่องโต ก่อนหลัง 3 เดือน

ลดปัญหายิ้มแล้วเห็นเหงือกมากไป (Gummy smile)
ลดรอยย่นที่คอ
ลดเส้นเอ็นที่คอ
ฉีดยกมุมปาก แก้ปากตก ร่องน้ำหมาก

ลดกล้ามแขน