การให้ฮอร์โมนทดแทนในสตรีวัยทอง (Hormonal replacent therapy=HRT)
จะมีข้อบ่งชี้ในการให้ เมื่อได้ตรวจระดับฮอร์โมนเพศ แล้วพบว่ามีการพร่องของฮอร์โมน (Hormone Deficiency) เพื่อป้องกันและรักษาอาการดังต่อไปนี้
– ใช้เพื่อรักษาอาการร้อนวูบวาบ (hot flush) ตามร่างกาย ใบหน้า ลำคอ หน้าอก ร่วมกับการมีเหงื่อออกมาก
– ใช้เพื่อรักษาอาการทางระบบปัสสาวะ และระบบสืบพันธ์ เพราะสตรีวัยทอง มักจะมีปัญหาปัสสาวะแสบขัดบ่อยๆ มีการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ ช่องคลอดแห้ง ทำให้มีปัญหาเจ็บปวดเมื่อมีเพศสัมพันธ์กับคู่สมรส
– ใช้เพื่อรักษาภาวะกระดูกพรุน
– ใช้เพื่อป้องกันโรคเส้นเลือดอุดตันหัวใจ ความจำเสื่อม บำรุงผิวพรรณ
การให้ฮอร์โมนทดแทนมีผลเสียหรือไม่
สมัยก่อน คนเรากลัวเรื่องการให้ฮอร์โมนทดแทนแล้วมีผลต่อมะเร็งเต้านม มะเร็งมดลูก ซึ่งก็มีส่วนที่เกิดขึ้นได้ เพราะในสมัยก่อน การให้ฮอร์โมนเอสโตรเจนทดแทน จะเป็นแบบรับประทาน(Premarin) ซึ่งมีผลข้างเคียงในระยะยาวได้
– แต่ในปัจจุบัน ได้มีการพัฒนาการให้ฮอร์โมนทดแทนในรูปแบบของสารสกัดจากธรรมชาติ และได้เปลี่ยนเป็นรูปแบบของการครีมทาเฉพาะที่แทน (Transdermal forms) ซึ่งมีความปลอดภัยขึ้นมาก และแทบจะไม่มีผลข้างเคียงระยะยาว แต่ยังไงก็ต้องปรึกษาแพทย์ที่เชี่ยวชาญด้านนี้ (Anti-aging Medicine) เพื่อปรับระดับของการให้ฮอร์โมนทดแทนที่เหมาะสม
– ขณะเดียวกันได้มีผลการวิจัยทางการแพทย์จากหลายๆ สถาบัน พบว่าอัตราการเสียชีวิตของสตรีในอเมริกา พบว่า ประมาณ 48% เสียชีวิตจากโรคหัวใจและหลอดเลือด แต่เสียชีวิตจากมะเร็งเต้านมเพียง 1.5% เมื่อสตรีวัยทองได้รับฮอร์โมนเอสโตรเจนทดแทน พบว่าอัตราการตายจากโรคหัวใจ ลดลงถึง 40% แต่มีอัตราการเพิ่มของมะเร็งเต้านมเพียง 0.15% เท่านั้น จึงมีข้อสรุปว่า การให้ฮอร์โทนทดแทน (เอสโตรเจน) ในสตรีวัยหมดประจำเดือน จะได้ผลดีมากกว่าผลเสีย
– นอกจากนี้ยังมีวิตามินและสารสกัดจากธรรมชาติหลายตัวที่ช่วยกระตุ้นการสร้างฮอร์โมนเอสโตรเจนชนิดดี (good estrogen) เช่น กลุ่ม flax(ป่าน) seed extracts,Soy,กะหล่ำปลี ,วิตามินบี 6 วิตามินบี 12 ,folic acid,Omega-3 fatty acid (Fish oils ) กลุ่มสมุนไพร เช่น ใบแปะก๊วย ใบขี้เหล็ก เป็นต้น